เม็ดเงิน TESG จะช่วยหนุนตลาดปลายปี ชี้หุ้นพื้นฐานดี อาจได้แรงซื้อ Active Fund
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า หากย้อนไปดูในช่วงปลายปี 2566 ที่กองทุน TESG เพิ่งเปิดขายครั้งแรก จะพบว่ายังไม่ได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีมากนัก เนื่องจากเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษียังไม่น่าดึงดูดเมื่อเทียบกับกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นๆ อีกทั้งยังมีช่วงเวลาในการตัดสินใจลงทุนไม่มาก
อย่างไรก็ดีหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการปรับปรุงมาตรการภาษีสำหรับการลงทุนในกองทุน TESG โดยขยายวงเงินในการลดหย่อนภาษีเป็น 300,000 บาท และลดเวลาถือครองหน่วยลงทุนเหลือ 5 ปี ทำให้กองทุน TESG มีความน่าสนใจมากขึ้น
โดย AIMC คาดการณ์เม็ดเงินเข้ากองทุน TESG ปีนี้สูงถึง 30,000 ล้านบาท หลังจากที่ได้มีการปรับเกณฑ์ลดหย่อนภาษีแล้ว ซึ่งมองว่าในเดือน ธ.ค. ของทุกปี น่าจะเป็นช่วงที่มีแรงซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเข้ามามากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งแรงซื้อในกองทุน TESG น่าจะมีส่วนช่วยหนุนหุ้นที่กองทุนถืออยู่
โดยหุ้นที่กองทุน TESG ประเภท Passive Fund ถืออยู่มากที่สุดได้แก่ DELTA, ADVANC, PTT,GULF, AOT, CPALL, PTTEP, BDMS, SCB และ TRUE รวมไปถึงหุ้นที่ได้ ESG Rating ในระดับ AAA หรือ AA ก็น่าจะได้แรงซื้อจากกองทุนที่เป็น Active Fund เช่นกัน โดยอาจเน้นหุ้นแนวโน้มผลประกอบการดีหรือภาพทางเทคนิคยังสวย เช่น KBANK, BJC, CPAXT, THCOM, MAJOR, OSP, INTUCH และ CENTEL