ศึกชิง VL ? “ชุติภา” หุ้นใหญ่เบอร์หนึ่ง เก็บหุ้นเพิ่ม 40 ล้านหุ้น ช่วง PSL ทำเทนเดอร์ หวังเรียกความเชื่อมั่น-ยันบริหารธุรกิจต่อ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหารบริษัท วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL ล่าสุดพบว่า นาง ชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ VL
โดยเข้าซื้อหุ้น VL ในช่วงวันที่ 13 พ.ย. 2567 จำนวน 3,800,000 หุ้น ราคาเฉลี่ยนหุ้นละ 1.22 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 4,636,000 บาท และวันที่ 14 พ.ย.2567 จำนวน 36,500,000 หุ้น มูลค่า 44,895,000 บาท ทั้ง 2 รายการรวมจำนวน 40.3 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 49.53 ล้านบาท ส่งผลให้ภายหลังทำรายการจะถือครองหุ้นจำนวน 523,834,200 หุ้น
ทั้งนี้การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว ของนาง ชุติภา กลิ่นสุวรรณ ถือเป็นช่วงของบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัท บงกช โฮลดิงส์ จำกัด (“Bongkot”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขหุ้น VL ที่ราคาหุ้นละ 1.24 บาท
โดยมีเงื่อนไขว่า Bongkot สงวนสิทธิในการยกเลิกธุรกรรม VTO หากเมื่อสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อที่กำหนดไว้ในคำเสนอซื้อจำนวนหุ้นที่ถูกเสนอขายมีจำนวนน้อยกว่า 204,684,655 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณน้อยกว่า 17.29% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ VL โดยมีระยะเวลาทำคำเสนอซื้อนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 2567 ถึงวันที่ 18 ธ.ค. 2567
นาง ชุติภา กลิ่นสุวรรณ เปิดเผยกับทีมข่าว Share2Trade ว่า จากประเด็นการทำทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าว ตนเองไม่รู้เรื่องมาก่อน และไม่มีการพูดคุยกัน โดยตนเองยังมีความต้องการบริหารธุรกิจ รวมทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต่อไป ล่าสุดตนเองได้เข้าซื้อหุ้น VL เพิ่มอีกในจำนวนข้างต้น เพื่อให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นว่า เจ้าของไม่ได้มีการขายหุ้นออกไปแต่อย่างใด และยังคงมีความต้องการบริหารธุรกิจต่อไป
“เขามาทำเทนเดอร์ เราไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย และเราไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุผลที่เขามาทำเทนเดอร์คืออะไร แต่หน้าที่ของเราอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเราก็ต้องทำ ซึ่งตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ เราก็ต้องหาทีมมาประเมินว่า ราคาเทนเดอร์ดังกล่าว เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งถือเป็นกฎของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เราต้องทำ” นาง ชุติภา กล่าว
สำหรับ VL โดยในช่วงไตรมาส 3-4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ปัจจุบันมีกองเรือรวมกว่า 12 ลำ มีอัตราการใช้เรือประมาณ 75-80% ดังนั้นยังมีโอกาสที่จะขยายการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง