Wealth Sharing

RML ลั่นผลงานปี 66 เทิร์นอะราวด์ตามนัด หลังโชว์งบ Q4/65 พลิกมีกำไร


07 มีนาคม 2566
ไรมอน แลนด์ หรือ RML ผู้นำวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ สรุปผลการดำเนินงานปี 2565 โชว์ผลประกอบการไตรมาส 4 เติบโตโดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2564 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 457 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 4 มียอดขาย (Presales) 803 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 73% และผลประกอบการปี 2565 มีรายได้รวม 2,745 ล้านบาท* หรือเพิ่มสูงขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ระบุผลงานดีขึ้นมาจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ (The Estelle Phrom Phong) โครงการภายใต้การร่วมทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น โดยยอดโอนกรรมสิทธิ์สามารถทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งมียอดโอนกรรมสิทธิ์กว่า 2,400 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 หรือประมาณ 50% ของจำนวนยูนิตพร้อมขาย
 RML ลั่นผลงานปี 66 เทิร์นอะราวด์ตามนัด.jpg
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของไรมอน แลนด์ ในปี 2565 ที่ผ่านมา นับว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จ มีผลประกอบการที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ที่สามารถทำกำไรได้จากที่มีผลขาดทุนในปีก่อนหน้านั้น รวมถึงบริษัทฯ ยังมียอดขายในไตรมาสเดียวกัน ที่สูงมากขึ้นกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว ขณะที่ยอดขายทั้งปี ก็ยังขยับสูงขึ้นเกือบ 7% จากปี 2564 ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่ลูกค้าของ RML เชื่อมั่นในแบรนด์และคุณภาพโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ จึงทำให้การโอนโครงการเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 และมียอดโอนไปแล้วประมาณ 50% ของจำนวนยูนิตพร้อมขาย และคาดว่า จะปิดการขายในปีนี้อย่างแน่นอน
 
“ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 บริษัทฯ สามารถพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากผลการดำเนินงานที่สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ จากการบริหารจัดการต้นทุนโครงการของ RML ในปัจจุบัน รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีดอกเบี้ยแบบอัตราลอยตัวและอัตราคงที่ในสัดส่วนที่เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จจากการรีแบรนด์ ภายใต้สโลแกน ‘ลักชัวรี่ รีอิมเมจิ้น (Luxury Reimagined)’ เพื่อยกภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงง่าย ทันสมัย และขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงทุกเจเนอเรชั่นที่มีกำลังซื้อของตลาดลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับ ที่ดีมาก โดยทั้งสองโครงการภายใต้การร่วมทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ คือ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ มียอดขายแล้ว  ประมาณ 80% และ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ (Tait Sathorn 12) มียอดขายแล้วประมาณ 90%” นายกรณ์ กล่าว