จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : CCET โดดเด่นรับกระแส การเติบโตของ อุตฯอิเล็กทรอนิกส์
21 พฤศจิกายน 2567
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยปี66 สร้างเม็ดเงินสูงถึง 2.5ล้านล้านบาท และปัจจุบันก็ยังมีความสำคัญ เห็นได้จากผลการดำเนินงานของ บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) รอบ 9 เดือน กำไรกว่า 1.9 พันลบ.ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุผลงานทั้งปี 66
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ระบุอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีบทบาททางเศรษฐกิจสูงจากทั้งมิติของมูลค่า โดยในปี 2566 สร้างเม็ดเงินสูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท รวมถึงเป็นแหล่งการจ้างงานสำคัญจากลักษณะการประกอบการที่เป็นผู้ผลิตและโรงงานประกอบที่มีอุปสงค์แรงงานสูงกว่า 120,000 ตำแหน่ง ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกทางอ้อมกับระบบเศรษฐกิจจากการหมุนเวียนของเงินผ่านการบริโภคของแรงงานตามพื้นที่ประกอบการที่กระจายอยู่แต่ละภูมิภาคของประเทศ รวมถึงผลที่ตามมาต่อเศรษฐกิจจากการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ให้กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น การจัดหาวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง อย่างชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ และแผงวงจรพิมพ์
ส่วนแนวโน้มปี 2567 แม้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับแรงหนุนจากกลุ่มสินค้าจำพวกอุปกรณ์ใช้ในกลุ่มคอมพิวเตอร์ กลุ่มเทคโนโลยีสื่อสาร และกลุ่มจัดการพลังงาน แต่ด้วยการหดตัวของกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แผงวงจรรวม และกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลให้การเติบโตจำกัดแค่เพียง 0.2% อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป ประเด็นความท้าทายจะเริ่มสูงขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดจากการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างจากรูปแบบของเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าที่ผลิตได้ในประเทศกลายเป็นสินค้าเทคโนโลยีที่ล้าสมัย (Technology Obsolescence) ส่งผลกระทบในระยะสั้น อาจส่งผลแค่ในรูปแบบของข้อจำกัดในการเติบโต
บริษัทที่โดดเด่นในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ต้องนึกถึง บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อีเล็คโทรนิคส์ในรูปแบบของ Electronics Manufacturing Services (EMS) โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 2 ประเภทคือ อุปกรณ์ประกอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม
โดยผลงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีรายได้จากการขายสินค้า 1,145.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 38,955.61 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12.30% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยสนับสนุนมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 93.63% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 1.01% เป็น 1.74% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 3,001.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 106,594.84 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่ากับ 1,953.69 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 89.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 0.91% เป็น 1.83%โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นายคงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แคล-คอมพ์ อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) เปิดเผยว่า ปัจจัยสนับสนุนมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 93.63% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 1.01% เป็น 1.74% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 3,001.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 106,594.84 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่ากับ 1,953.69 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 89.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 0.91% เป็น 1.83%โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ฝ่ายบริหารของ CCET คาดการณ์ว่า ผลประกอบการในอนาคตจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน โดยโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ และโรงงานใหม่ในจังหวัดเพชรบุรีจะเริ่มดำเนินการในปีต่อๆไป ซึ่งพร้อมรองรับคำสั่งซื้อที่มีมาร์จิ้นสูง นอกจากนี้สงครามการค้ายังคงดำเนินอยู่และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน และจีน-ไต้หวัน คาดว่าจะเร่งย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลูกค้ารายใหญ่สองรายได้ประกาศแผนการย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานใหม่ของ CCET เพื่อลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ระบุอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีบทบาททางเศรษฐกิจสูงจากทั้งมิติของมูลค่า โดยในปี 2566 สร้างเม็ดเงินสูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท รวมถึงเป็นแหล่งการจ้างงานสำคัญจากลักษณะการประกอบการที่เป็นผู้ผลิตและโรงงานประกอบที่มีอุปสงค์แรงงานสูงกว่า 120,000 ตำแหน่ง ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกทางอ้อมกับระบบเศรษฐกิจจากการหมุนเวียนของเงินผ่านการบริโภคของแรงงานตามพื้นที่ประกอบการที่กระจายอยู่แต่ละภูมิภาคของประเทศ รวมถึงผลที่ตามมาต่อเศรษฐกิจจากการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ให้กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น การจัดหาวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง อย่างชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ และแผงวงจรพิมพ์
ส่วนแนวโน้มปี 2567 แม้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับแรงหนุนจากกลุ่มสินค้าจำพวกอุปกรณ์ใช้ในกลุ่มคอมพิวเตอร์ กลุ่มเทคโนโลยีสื่อสาร และกลุ่มจัดการพลังงาน แต่ด้วยการหดตัวของกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แผงวงจรรวม และกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลให้การเติบโตจำกัดแค่เพียง 0.2% อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป ประเด็นความท้าทายจะเริ่มสูงขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดจากการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างจากรูปแบบของเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าที่ผลิตได้ในประเทศกลายเป็นสินค้าเทคโนโลยีที่ล้าสมัย (Technology Obsolescence) ส่งผลกระทบในระยะสั้น อาจส่งผลแค่ในรูปแบบของข้อจำกัดในการเติบโต
บริษัทที่โดดเด่นในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ต้องนึกถึง บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อีเล็คโทรนิคส์ในรูปแบบของ Electronics Manufacturing Services (EMS) โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 2 ประเภทคือ อุปกรณ์ประกอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม
โดยผลงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีรายได้จากการขายสินค้า 1,145.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 38,955.61 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12.30% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยสนับสนุนมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 93.63% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 1.01% เป็น 1.74% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 3,001.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 106,594.84 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่ากับ 1,953.69 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 89.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 0.91% เป็น 1.83%โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นายคงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แคล-คอมพ์ อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) เปิดเผยว่า ปัจจัยสนับสนุนมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 93.63% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 1.01% เป็น 1.74% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 3,001.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 106,594.84 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่ากับ 1,953.69 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 89.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 0.91% เป็น 1.83%โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ฝ่ายบริหารของ CCET คาดการณ์ว่า ผลประกอบการในอนาคตจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน โดยโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ และโรงงานใหม่ในจังหวัดเพชรบุรีจะเริ่มดำเนินการในปีต่อๆไป ซึ่งพร้อมรองรับคำสั่งซื้อที่มีมาร์จิ้นสูง นอกจากนี้สงครามการค้ายังคงดำเนินอยู่และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน และจีน-ไต้หวัน คาดว่าจะเร่งย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลูกค้ารายใหญ่สองรายได้ประกาศแผนการย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานใหม่ของ CCET เพื่อลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์