Fund / Insurance
XPG คาดรายได้ปี 67 ทะลุ 1,000 ลบ.เล็งออก ICO ต้นปีหน้ารับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลคึกคัก
21 พฤศจิกายน 2567
บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) มั่นใจปีนี้รายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท เตรียมงบประมูลซื้อหนี้เข้าพอร์ตบริหาร 1-2 พันล้านบาท พร้อมเป็นที่ปรึกษาระดมทุนผ่าน ICO อีก 3 ดีล คาดเริ่มได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/68
น.ส.วรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) กล่าวว่า ปี2568 บริษัทคาดรายได้ยังเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ที่มีแนวโน้มทะลุเป้าหมายที่ 1,000 ล้านบาท โดยธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน , ธุรกิจหลักทรัพย์ ดำเนินธุรกิจผ่าน บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) และ Digital Asset
โดย 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 655 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท รายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อ 60-70% และ 30% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดรายได้จะเติบโตขึ้น และทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ จากมีเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าในตลาดตราสารทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ช่วงโค้งสุดท้ายของปี บลจ. เอ็กซ์สปริง (XSpring AM) ยังได้เตรียมแผนการลงทุนมุ่งเจาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ผ่านการเสนอขายกองทุนใหม่ “X-PEGINFRA-UI” ซึ่งเป็นกองทุนแรกในไทยที่เน้นลงทุนใน Core Infrastructure ระดับโลก โดยมี Macquarie Asset Management เป็นผู้บริหารกองทุนหลัก โดยเสนอขายครั้งแรก 1- 29 พ.ย.นี้เท่านั้น รวมทั้งเดินเกมรุกขยายฐานนักลงทุนรายย่อยผ่านแคมเปญการลงทุนปลายปีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี
ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล คาดจะได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่กลับมาคึกคักอีกครั้งภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการจากการเทรดเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน “XSpring” ในช่วงไตรมาส 4 เพื่อเชื่อมต่อกับนักลงทุนได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสม การซื้อ-ขายสินทรัพย์ต่าง ๆ หรือการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการลงทุนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในทุกมิติ
ด้านธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ในปี 68 บริษัทวางงบลงทุน 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อประมูลซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมียอดหนี้ในการบริหาร 4,000-5,000 ล้านบาท
ด้านธุรกิจวาณิชธณกิจ ในปี 68 จะมีงานเป็นที่ปรึกษาในการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) เพื่อระดมทุนจำนวน 3 ดีล แบ่งเป็น ดีลที่เลื่อนจากปลายปีนี้ 1 ดีล มูลค่าระดมทุนราว 300-500 ล้านบาท และเป็นดีลใหม่ 2 ดีล มูลค่าระดมทุนหลักพันล้านบาท คาดทยอยออกในไตรมาส 1/68
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในปีหน้าวางเป้ามูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (AUM) เติบโตราว 20% จากปีนี้คาดอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จากแผนออกกองทุนใหม่ราว 3-4 กองทุน ทั้งการออกกองทุนด้วยตัวเอง และกอง FIF (Foreign Investment Fund) ประกอบด้วย Fixed Income Fund, Equity Fund, และ Private Asset โดยยังคงมุ่งไปที่ตลาดในต่างประเทศ เช่น สหรัฐ อินเดีย จีน เป็นต้น
ธุรกิจหลักทรัพย์ (บล.) ยังคงขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า โดยมองว่าตลาดยังมีความกังวลในเรื่องของการดำเนินนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในมุมใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ยังประเมินสถานการณ์ได้ค่อนข้างยาก
ด้านธุรกิจ Digital Asset ในปีหน้า เชื่อว่าจะเป็นปีที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาคึกคัก จากแรงหนุนของนายทรัมป์ ที่มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน และภาครัฐยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการโอนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ทำให้บริษัทเตรียมจะออกเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) โดยปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 3 ดีล คาดว่าจะสามารถทยอยออกเสนอขายได้ในไตรมาส 1/68
นอกจากนี้ บริษัทจะยังเติบโตจากรายได้ดอกเบี้ยรับอานิสงส์หนี้ที่อยู่ในระบบสูง ทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อยากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของบริษัทในการปล่อยสินเชื่อ ขณะเดียวกันธุรกิจ XSpring AMC บริษัทบริหารสินทรัพย์ในเครือ XPG วางเป้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารที่ 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตของพอร์ต ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 4,000-5,000 ล้านบาท
น.ส.วรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) กล่าวว่า ปี2568 บริษัทคาดรายได้ยังเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ที่มีแนวโน้มทะลุเป้าหมายที่ 1,000 ล้านบาท โดยธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน , ธุรกิจหลักทรัพย์ ดำเนินธุรกิจผ่าน บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) และ Digital Asset
โดย 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 655 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท รายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อ 60-70% และ 30% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดรายได้จะเติบโตขึ้น และทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ จากมีเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าในตลาดตราสารทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ช่วงโค้งสุดท้ายของปี บลจ. เอ็กซ์สปริง (XSpring AM) ยังได้เตรียมแผนการลงทุนมุ่งเจาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ผ่านการเสนอขายกองทุนใหม่ “X-PEGINFRA-UI” ซึ่งเป็นกองทุนแรกในไทยที่เน้นลงทุนใน Core Infrastructure ระดับโลก โดยมี Macquarie Asset Management เป็นผู้บริหารกองทุนหลัก โดยเสนอขายครั้งแรก 1- 29 พ.ย.นี้เท่านั้น รวมทั้งเดินเกมรุกขยายฐานนักลงทุนรายย่อยผ่านแคมเปญการลงทุนปลายปีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี
ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล คาดจะได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่กลับมาคึกคักอีกครั้งภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการจากการเทรดเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน “XSpring” ในช่วงไตรมาส 4 เพื่อเชื่อมต่อกับนักลงทุนได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสม การซื้อ-ขายสินทรัพย์ต่าง ๆ หรือการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการลงทุนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในทุกมิติ
ด้านธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ในปี 68 บริษัทวางงบลงทุน 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อประมูลซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมียอดหนี้ในการบริหาร 4,000-5,000 ล้านบาท
ด้านธุรกิจวาณิชธณกิจ ในปี 68 จะมีงานเป็นที่ปรึกษาในการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) เพื่อระดมทุนจำนวน 3 ดีล แบ่งเป็น ดีลที่เลื่อนจากปลายปีนี้ 1 ดีล มูลค่าระดมทุนราว 300-500 ล้านบาท และเป็นดีลใหม่ 2 ดีล มูลค่าระดมทุนหลักพันล้านบาท คาดทยอยออกในไตรมาส 1/68
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในปีหน้าวางเป้ามูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (AUM) เติบโตราว 20% จากปีนี้คาดอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จากแผนออกกองทุนใหม่ราว 3-4 กองทุน ทั้งการออกกองทุนด้วยตัวเอง และกอง FIF (Foreign Investment Fund) ประกอบด้วย Fixed Income Fund, Equity Fund, และ Private Asset โดยยังคงมุ่งไปที่ตลาดในต่างประเทศ เช่น สหรัฐ อินเดีย จีน เป็นต้น
ธุรกิจหลักทรัพย์ (บล.) ยังคงขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า โดยมองว่าตลาดยังมีความกังวลในเรื่องของการดำเนินนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในมุมใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ยังประเมินสถานการณ์ได้ค่อนข้างยาก
ด้านธุรกิจ Digital Asset ในปีหน้า เชื่อว่าจะเป็นปีที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาคึกคัก จากแรงหนุนของนายทรัมป์ ที่มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน และภาครัฐยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการโอนโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ทำให้บริษัทเตรียมจะออกเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) โดยปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 3 ดีล คาดว่าจะสามารถทยอยออกเสนอขายได้ในไตรมาส 1/68
นอกจากนี้ บริษัทจะยังเติบโตจากรายได้ดอกเบี้ยรับอานิสงส์หนี้ที่อยู่ในระบบสูง ทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อยากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของบริษัทในการปล่อยสินเชื่อ ขณะเดียวกันธุรกิจ XSpring AMC บริษัทบริหารสินทรัพย์ในเครือ XPG วางเป้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารที่ 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตของพอร์ต ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 4,000-5,000 ล้านบาท