กระดานข่าว

KBank Private Banking จับมือ J.P. Morgan - UBS แนะนักลงทุนแบ่งสัดส่วนลงทุนในหุ้นจีน


22 พฤศจิกายน 2567
KBank Private Banking ร่วมกับ J.P. Morgan และ UBS ชี้ตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาส แม้ความเสี่ยงยังคงอยู่ แนะนักลงทุนแบ่งสัดส่วนลงทุนในจีนได้ โดยกระจายความเสี่ยงผ่านกองทุนหุ้นเอเชีย

kbank.jpg

นางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า โดยรวมนับว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของการลงทุน หลายๆ สินทรัพย์การลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้อย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ดีในปี 2567 มีหลายปัจจัยสำคัญที่กระทบภาคลงทุนที่ต้องติดตามและจับตา เช่น ความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ แต่คาดว่าจะจบปีด้วยภาพ Soft landing การติดตามและเฝ้ารอให้ Fed ทยอยลดดอกเบี้ย 

แต่ที่น่าจับตาที่สุดคือในสหรัฐฯ ซึ่งได้นายโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว  ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดกับตลาดการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหุ้นจีน ซึ่งที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเองก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและทั่วถึง ประกอบกับเมื่อสหรัฐฯ ได้ผู้นำคนใหม่ที่ตลาดเชื่อว่าจะมุ่งเป้าไปที่การสกัดไม่ให้จีนเติบโต ก็ยิ่งสร้างความกังวลให้นักลงทุน 

ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนยังความเสี่ยงสำคัญหลังสหรัฐฯ ได้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องกำแพงภาษีถึงนำเข้าที่สูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า ในมุมหนึ่งอาจจะเป็นเพียงแค่คำขู่ เพราะทำจริงได้ยาก และภาษีที่สูงเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เองด้วย เนื่องจากปัจจุบันเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังทรงตัวในระดับสูง แตกต่างจากสถานการณ์ในรอบก่อนที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี แต่ในอีกฝั่งหนึ่งที่มองว่าทรัมป์จะขึ้นภาษีนำเข้าอย่างรุนแรง เพราะต้องการหารายได้มาทดแทนส่วนที่จะเสียไปจากนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล แต่ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ เองเช่นกัน 
ทั้งนี้ ทุกอย่างสะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่สูงมาก ดังนั้น ปี 2568 จะมีเรื่องให้นักลงทุนจับตามากกว่าปีนี้ โดยภูมิภาคที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบด้านลบมากที่สุด คือ กลุ่มประเทศเกิดใหม่ 

นางสาวศิริพร กล่าวปิดท้ายว่า “ในภาวะปัจจุบันที่ตลาดหุ้นจีนกำลังอยู่ในช่วงผันผวน ประกอบกับนโยบายของทางฝั่งสหรัฐฯ เองที่อาจส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการรับมือของจีนที่ยังไม่ได้ประกาศออกมา โดยคำแนะนำปัจจุบันสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นจีนของ KBank Private Banking คือไม่ควรลงทุนหุ้นจีนประเทศเดียวในพอร์ตลงทุน แต่ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นจีนเล็กน้อยแบบกระจายความเสี่ยงผ่านกองทุนหุ้นเอเชียโดยรวม ผ่านกองทุน KFHASIA ในสัดส่วน 1-6% ของพอร์ตการลงทุน และมองว่านักลงทุนที่สามารถบริหารความเสี่ยงได้ดี ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนได้”