หากพูดถึงบริษัทจดทะเบียนไทยที่ประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมันก็มีเพียงผู้เล่นอยู่ไม่กี่รายนัก ซึ่งหนึ่งในผู้เล่นที่มีจำนวนสถานีบริการจำนวนเยอะเป็นอันดับต้นๆในประเทศก็คือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ที่เป็นเจ้าของปั้มพีที
แต่นอกจากธุรกิจดังกล่าวบริษัทก็ยังมีแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆออกมาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และร้านสะดวกซื้อ ที่หลายคนอาจจะคุ้นหูคุ้นตาอย่าง แมกซ์มาร์ท กาแฟพันธุ์ไทย ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และล่าสุดก็ยังได้คว้ามาสเตอร์แฟรนไชส์ในธุรกิจอาหารอย่าง "Subway"
ดังนั้น ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จะพาผู้อ่านและนักลงทุนไปส่องแนวโน้มของธุรกิจในอนาคต พร้อมสตอรี่การเติบโตในก้าวต่อๆไปของบริษัท ไม่ว่าจะผ่านทางมุมมองของผู้บริหารและมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่มีต่อหุ้น PTG จะเป็นเช่นไรไปรับชมกัน
โดย นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวถึง แนวโน้มการเติบโตปริมาณการจำหน่ายน้ำมันและอุปสงค์การใช้น้ำมันในช่วงที่เหลือของปี 2567 ยังเติบโตได้ดี เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวทางการเกษตร รวมถึงการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการใช้บริการของสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงการพัฒนาบริการ PT Service Master และการปรับปรุงสถานีให้ทันสมัยและครบครันมากยิ่งขึ้น พร้อมขยายสาขาในทำเลศักยภาพ จึงยังคงเป้าเติบโตปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่ 10-15% และจะมีสถานีบริการน้ำมันครบ 2,251 สาขา
สำหรับธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG) ยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของยอดขายทั้งปี ไม่ต่ำกว่า 40-50% ซึ่งในส่วนของธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยยังคงวางเป้าหมายการขยายสาขาเป็น 1,282 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมี 1,126 สาขา เป็นผลมาจากการใช้บริการของอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้ารายเดิมและกลุ่มลูกค้าสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus รวมถึงมีแคมเปญทางการตลาดที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม
นอกจากนี้ บริษัทก็ยังได้เตรียมนำบริษัทลูกอย่าง บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS ที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือน ภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ในลักษณะการค้าปลีกไปยังผู้บริโภคโดยตรง และการค้าส่งให้กับผู้ค้าก๊าซรายย่อยเพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้กับผู้บริโภค จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงไตรมาส 1/68
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดแนวโน้มไตรมาส 4/67 กำไรจะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า จากยอดขายน้ำมันเร่งตัวตามปัจจัยฤดูกาล และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโอกาสเร่งตัวจากการพุ่งขึ้นของราคา CPO แตะระดับสูงสุดรอบกว่า2 ปี จึงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1,101 ล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อน
ส่วนปี 2568 คาดกำไรจะอยู่ที่ 1,399 ล้านบาท เติบโต 27% จากปีก่อน ตามปริมาณสาขาธุรกิจ Oil และ Non-Oil, ภาคท่องเที่ยวขยายตัว, กลยุทธ์PT Max Card, แรงกดดันค่าการตลาดต่ำลงจากทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัวเงินบาทแข็งค่า
ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงได้สะท้อนความอ่อนแอของไตรมาส 3/67 ไปแล้ว จึงทำให้ราคาปัจจุบันมีอัพไซด์ และยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าแผนสปินออฟบริษัทลูกอย่าง ATLAS ธุรกิจ LPG ในปี 2568 และ Punthai ธุรกิจร้านกาแฟปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมสปินออฟในอนาคต จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11 บาท