จับประเด็นหุ้นเด่น
สัมภาษณ์พิเศษ : SNNP เน้นกลยุทธ์“โฆษณา-การตลาด” ดันยอดขายโตสวนกระแสเศรษฐกิจ
26 พฤศจิกายน 2567
แม้กำลังซื้อในประเทศจะชะลอตัว แต่ยอดขายสินค้าของ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มาจากปัจจัยอะไร รวมทั้งกลยุทธ์ทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายเป็นอย่างไร ไปติดตามแนวคิดและแผนธุรกิจของบริษัทกับ “วิโรจน์ วชิรเดชกุล” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ
ผลงานในช่วงที่ผ่านมา
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยอดขายและกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง โดย SNNP มีรายได้ 2 แหล่ง ได้แก่ ยอดขายในประเทศมีสัดส่วน 75% และต่างประเทศ 25% ซึ่งในประเทศช่วงครึ่งปีแรก แม้เศรษฐกิจจะไม่ดี ประชาชนจับจ่ายใช้สอยน้อย และสินค้าของเราไม่ใช่สินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งสินค้าประเภทนี้หากไม่ทำการตลาดเลยยอดขายจะลดลง ดังนั้นเมื่อกำลังซื้อค่อนข้างคงที่ การทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ยอดขายเติบโตได้ดี
และจากข้อมูลของเอซี นีลสัน พบว่า หมวดสินค้ากลุ่ม Snack ในประเทศไทยยอดขายยังเติบโตได้ 5% และ SNNP ก็เติบโตเช่นกัน ซึ่งมาจาก 1. บริษัทมีหนังโฆษณา ที่ทำให้คนจำได้ 2. บริษัททำโปรโมชั่นต่อเนื่อง และบริษัทจะออกสินค้าใหม่หรือรสชาดใหม่ค่อนข้างมาก เช่น โลตัสหนังไก่ โลตัสน่องไก่ 3. มีบริษัทลูกที่เป็น Business Warehouse ทำให้กระจายสินค้าได้รวดเร็ว ทั่วถึงกลุ่มลูกค้า ขณะที่กลุ่มสินค้า Beverage เรือธงของสินค้ากลุ่มนี้ คือเจเล่ มีการเติบโต 2 หลักมาอย่างต่อเนื่อง
สัดส่วนรายได้ของ SNNP
ธุรกิจในประเทศที่มีสัดส่วน 75% แบ่งเป็น Snack 50% และ Beverage 50% ซึ่งสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท เนื่องจากในหน้าร้อนเป็นไฮซีชั่นของ Snack และโลซีชั่นของกลุ่ม Beverage ขณะที่หน้าหนาวเป็นไฮซีชั่นของ Beverage ดังนั้นยอดขายสินค้าของบริษัทจึงมีอย่างต่อเนื่องในทุกฤดูกาล
นอกจากนี้บริษัทยังมีจุดแข็งที่แตกต่างจากบริษัทอื่น โดยบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ทำธุรกิจประเภทเดียว ไม่ Snack ก็ Beverage แต่ SNNP ทำทั้ง 2 อย่าง และมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1
มุมมองธุรกิจ Beverage ของสินค้าแบรนด์ “เจเล่”
เจเล่มีการเติบโตสูง เป็นอนาคตของบริษัท เนื่องจากเราวางตลาดหลายราคา ซึ่งมีเป้าหมายให้ในอนาคตจะออกอาหารเสริมภายใต้แบรนด์เจเล่
มุมมองตลาดธุรกิจอาหารเสริม
มองว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท โดยถ้าสังเกตให้ดีพบว่า อาหารมีทั้งแบบน้ำ ผง เม็ด อาหารเสริมในรูปเจลลี หรือ Ready to eat ยังมีน้อยมาก ที่มีส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพงมาก จึงคิดว่าด้วยศักยภาพของ SNNP ที่มีเครื่องมือ มีแล็ปในการวิจัย และเจเล่ บิวตี้ก็มีวิตามินอยู่แล้ว ดังนั้นการทำตลาดจึงเป็นการต่อยอดที่ดี
ตั้งเป้าธุรกิจอาหารเสริมไว้ว่า ภายใน 5 ปี น่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 5% หรือมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อปี และจะทำให้สัดส่วนมาร์จิ้นของบริษัทดีขึ้น
แนวทางการบริหารสินค้า Snack
เรือธงในสินค้ากลุ่มนี้ ได้แก่ โลตัส และเบนโตะ ซึ่งในปี 66 โลตัสมีการเติบโตที่มี ส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของจากเบนโตะ โดยปีที่แล้วมีการเติบโตในหลัก 2 digit เป็นผลมาจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง และการทำหนังโฆษณา ที่สร้างการรับรู้ให้กับลูกค้า ทำให้สินค้าติดตลาด
กลยุทธ์ของการตั้งราคา
การกำหนดราคาตามการพื้นฐานของผู้บริโภค โดยเรามีข้อมูลด้าน Research และเราจะศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคประกอบ ซึ่งบริษัทจะมีการทำวิจัยทุก 3 ปี เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค และเรายังมีหน่วยการขนส่งสินค้าได้รวดเร็ว
และการตั้งราคาสินค้าในกลุ่ม Snack ในประเทศไทย จะอยู่ที่ 3 บาท 5 บาท 10 บาท 20 บาท ซึ่งค่อนข้างคงที่ แต่หากต้นทุนปรับขึ้น ก็จะใช้วิธีการปรับลดปริมาณลง แต่ราคายังคงที่
การใช้สื่อโฆษณาของบริษัท
สินค้าแต่ละประเภทจะใช่สื่อแตกต่างกัน บางประเภทเน้น ออนไลน์ บางประเภทเน้น ออฟไลน์ บางชนิดทำทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ขึ้นกับผู้บริโภค และการศึกษาของทีมงานหลังบ้าน
รูปแบบการลงทุนต่างประเทศ
Model 1. เวียดนาม ซึ่งการทำการตลาดคล้ายกับในประเทศไทย สินค้าในช่วงแรกจะเหมือนกับที่ขายในประเทศไทย แต่พอมีโรงงานในเวียดนามก็จะมีรสชาดที่แตกต่างกันให้ถูกปากคนเวียดนาม ซึ่งในเวียดนามเรามีบริษัทที่ทำการตลาดโดยเฉพาะ
Model 2. จะเน้นการเข้าไปคุยกับ Distribution เช่นในประเทศ ฟิลิปปินส์ / จีน / เกาหลี / อินโดนีเซีย โดยบริษัทจะช่วยเรื่องงบการตลาด
Model 3. เทรดเดอร์ ได้แก่ การส่งสินค้าเข้าไปขายให้บริษัทในประเทศนั้นทำหน้าที่กระจายสินค้าของบริษัท
ทั้งนี้ปัจจุบัน SNNP มีการส่งสินค้าออกไปขายในต่างประเทศแล้ว 35 ประเทศ โดยเวียดนามมีสัดส่วนในการสร้างรายได้จากต่างประเทศสูงที่สุดที่ 75% ยอดส่งออก
เป้าหมายการเติบโตของ SNNP
ช่วงที่บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น บริษัทตั้งเป้า 5 ปี จะโตแบบ Double ซึ่งปัจจุบันแม้ผ่านมาครึ่งทางแล้ว บริษัทก็ยังตั้งเป้าหมายเหมือนเดิม แม้จะมีปัจจัยท้าทายเข้ามากระทบ
ผลงานในช่วงที่ผ่านมา
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยอดขายและกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง โดย SNNP มีรายได้ 2 แหล่ง ได้แก่ ยอดขายในประเทศมีสัดส่วน 75% และต่างประเทศ 25% ซึ่งในประเทศช่วงครึ่งปีแรก แม้เศรษฐกิจจะไม่ดี ประชาชนจับจ่ายใช้สอยน้อย และสินค้าของเราไม่ใช่สินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งสินค้าประเภทนี้หากไม่ทำการตลาดเลยยอดขายจะลดลง ดังนั้นเมื่อกำลังซื้อค่อนข้างคงที่ การทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ยอดขายเติบโตได้ดี
และจากข้อมูลของเอซี นีลสัน พบว่า หมวดสินค้ากลุ่ม Snack ในประเทศไทยยอดขายยังเติบโตได้ 5% และ SNNP ก็เติบโตเช่นกัน ซึ่งมาจาก 1. บริษัทมีหนังโฆษณา ที่ทำให้คนจำได้ 2. บริษัททำโปรโมชั่นต่อเนื่อง และบริษัทจะออกสินค้าใหม่หรือรสชาดใหม่ค่อนข้างมาก เช่น โลตัสหนังไก่ โลตัสน่องไก่ 3. มีบริษัทลูกที่เป็น Business Warehouse ทำให้กระจายสินค้าได้รวดเร็ว ทั่วถึงกลุ่มลูกค้า ขณะที่กลุ่มสินค้า Beverage เรือธงของสินค้ากลุ่มนี้ คือเจเล่ มีการเติบโต 2 หลักมาอย่างต่อเนื่อง
สัดส่วนรายได้ของ SNNP
ธุรกิจในประเทศที่มีสัดส่วน 75% แบ่งเป็น Snack 50% และ Beverage 50% ซึ่งสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท เนื่องจากในหน้าร้อนเป็นไฮซีชั่นของ Snack และโลซีชั่นของกลุ่ม Beverage ขณะที่หน้าหนาวเป็นไฮซีชั่นของ Beverage ดังนั้นยอดขายสินค้าของบริษัทจึงมีอย่างต่อเนื่องในทุกฤดูกาล
นอกจากนี้บริษัทยังมีจุดแข็งที่แตกต่างจากบริษัทอื่น โดยบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ทำธุรกิจประเภทเดียว ไม่ Snack ก็ Beverage แต่ SNNP ทำทั้ง 2 อย่าง และมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1
มุมมองธุรกิจ Beverage ของสินค้าแบรนด์ “เจเล่”
เจเล่มีการเติบโตสูง เป็นอนาคตของบริษัท เนื่องจากเราวางตลาดหลายราคา ซึ่งมีเป้าหมายให้ในอนาคตจะออกอาหารเสริมภายใต้แบรนด์เจเล่
มุมมองตลาดธุรกิจอาหารเสริม
มองว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท โดยถ้าสังเกตให้ดีพบว่า อาหารมีทั้งแบบน้ำ ผง เม็ด อาหารเสริมในรูปเจลลี หรือ Ready to eat ยังมีน้อยมาก ที่มีส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพงมาก จึงคิดว่าด้วยศักยภาพของ SNNP ที่มีเครื่องมือ มีแล็ปในการวิจัย และเจเล่ บิวตี้ก็มีวิตามินอยู่แล้ว ดังนั้นการทำตลาดจึงเป็นการต่อยอดที่ดี
ตั้งเป้าธุรกิจอาหารเสริมไว้ว่า ภายใน 5 ปี น่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 5% หรือมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อปี และจะทำให้สัดส่วนมาร์จิ้นของบริษัทดีขึ้น
แนวทางการบริหารสินค้า Snack
เรือธงในสินค้ากลุ่มนี้ ได้แก่ โลตัส และเบนโตะ ซึ่งในปี 66 โลตัสมีการเติบโตที่มี ส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของจากเบนโตะ โดยปีที่แล้วมีการเติบโตในหลัก 2 digit เป็นผลมาจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง และการทำหนังโฆษณา ที่สร้างการรับรู้ให้กับลูกค้า ทำให้สินค้าติดตลาด
กลยุทธ์ของการตั้งราคา
การกำหนดราคาตามการพื้นฐานของผู้บริโภค โดยเรามีข้อมูลด้าน Research และเราจะศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคประกอบ ซึ่งบริษัทจะมีการทำวิจัยทุก 3 ปี เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค และเรายังมีหน่วยการขนส่งสินค้าได้รวดเร็ว
และการตั้งราคาสินค้าในกลุ่ม Snack ในประเทศไทย จะอยู่ที่ 3 บาท 5 บาท 10 บาท 20 บาท ซึ่งค่อนข้างคงที่ แต่หากต้นทุนปรับขึ้น ก็จะใช้วิธีการปรับลดปริมาณลง แต่ราคายังคงที่
การใช้สื่อโฆษณาของบริษัท
สินค้าแต่ละประเภทจะใช่สื่อแตกต่างกัน บางประเภทเน้น ออนไลน์ บางประเภทเน้น ออฟไลน์ บางชนิดทำทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ขึ้นกับผู้บริโภค และการศึกษาของทีมงานหลังบ้าน
รูปแบบการลงทุนต่างประเทศ
Model 1. เวียดนาม ซึ่งการทำการตลาดคล้ายกับในประเทศไทย สินค้าในช่วงแรกจะเหมือนกับที่ขายในประเทศไทย แต่พอมีโรงงานในเวียดนามก็จะมีรสชาดที่แตกต่างกันให้ถูกปากคนเวียดนาม ซึ่งในเวียดนามเรามีบริษัทที่ทำการตลาดโดยเฉพาะ
Model 2. จะเน้นการเข้าไปคุยกับ Distribution เช่นในประเทศ ฟิลิปปินส์ / จีน / เกาหลี / อินโดนีเซีย โดยบริษัทจะช่วยเรื่องงบการตลาด
Model 3. เทรดเดอร์ ได้แก่ การส่งสินค้าเข้าไปขายให้บริษัทในประเทศนั้นทำหน้าที่กระจายสินค้าของบริษัท
ทั้งนี้ปัจจุบัน SNNP มีการส่งสินค้าออกไปขายในต่างประเทศแล้ว 35 ประเทศ โดยเวียดนามมีสัดส่วนในการสร้างรายได้จากต่างประเทศสูงที่สุดที่ 75% ยอดส่งออก
เป้าหมายการเติบโตของ SNNP
ช่วงที่บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น บริษัทตั้งเป้า 5 ปี จะโตแบบ Double ซึ่งปัจจุบันแม้ผ่านมาครึ่งทางแล้ว บริษัทก็ยังตั้งเป้าหมายเหมือนเดิม แม้จะมีปัจจัยท้าทายเข้ามากระทบ