Fund / Insurance
BKI ปรับลดเป้าเบี้ยรับปีนี้เหลือโต 7% หลังยอดขายรถยนต์ทรุดทำสถิติ
27 พฤศจิกายน 2567
บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) ปรับลดเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมปีนี้เหลือโต 7% จากเดิมโต 8% เหตุยอดขายรถยนต์หดตัว กระทบยอดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ส่งสัญญาณไตรมาส 4/67 เล็งปรับพอร์ตลงทุน หนุนผลงานโตต่อเนื่อง
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ.กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI ยอมรับว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตน้อยกว่า 3% จากที่รัฐบาลคาดเติบโตที่ 4-4.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน และ มีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศ
ในส่วนของภาคตลาดทุน และ ตลาดหุ้นไทยในปี 2568 คาดดัชนีจะทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ 1,450-1,460 จุด ผลประกอบการของบจ.มีแนวโน้มทรงตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก และ โรงพยาบาล ยังมีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง ส่วนหุ้นในกลุ่มน้ำมัน ยังคงหลีกเลี่ยง เนื่องจากราคาน้ำมันมีความผันผวน และ อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
สำหรับพอร์ตลงทุนของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การลงทุนหุ้นในตลาดฯ 27% คิดเป็นเม็ดเงิน 7,690 ล้านบาท , พันธบัตร 29% วงเงิน 8,240 ล้านบาท , เงินฝากประจำ 28% หรือ 7,944 ล้านบาท , หุ้นทุนนอกตลาดฯ 4% หรือ 1,105 ล้านบาท , เงินให้กู้ 4% คิดเป็นเม็ดเงิน 1,265 ล้านบาท และ อีก 5% เป็นกองรีทฯ ซึ่งคาดว่า ปีหน้าผลตอบแทนจากการลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากปีนี้
"ในไตรมาส 4 นี้จะมีการขายหุ้นทำกำไรบางส่วน เพื่อมาชดเชยกับการหดตัวของการรับประกันภัยต่อที่ 9 เดือนปีนี้ติดลบไป 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน"นายชัย กล่าว
ด้านดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI คาดว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมปีนี้น่าจะเติบโต 7% หรืออยู่ที่ 32,000 ล้านบาท ต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมที่ 8% หรือ มีเบี้ยรับ 32,400 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายรถยนต์ที่ปรับลดต่อเนื่อง โดยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนต.ค. ลดลงจากเดือนก.ย.ถึง 36.8% ต่ำสุดในรอบ 54 เดือนนับตั้งแต่ยกเลิกล๊อคดาวน์จากการระบาดโรคหวัด 19
ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรถไม่เติบโต เพราะสัดส่วนเบี้ยประกันรถยังคงสัดส่วนสูงสุดของพอร์ต ส่วนอุตสาหกรรมประกันภัยคาดว่าจะติดลบ 0.2% ประกอบกับจำนวนรถยนต์ใหม่ที่ออกน้อยลง และใน Q4/67 คาดว่าจะรับรู้รายได้จากการประกันภัยนาข้าวเข้ามาอีก 100 ล้านบาท
นางสาวลสา โสภณพนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI กล่าวถึงทิศทางภาพรวมตลาดการประกันภัยต่อในปี 68 คาดการณ์ว่าจะมีความคล่องตัวมากขึ้น จากปัจจัยต่างๆ ทั้งผลประกอบการของบริษัทรับประกันภัยต่อ (Reinsurer) ได้รับผลกำไรจากการดำเนินงานรับประกันภัยต่อ เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการปรับเบี้ยประกันภัยต่อ (Reinsurance Pricing) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการที่ Reinsurer ทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนจากความเสียหายจากมหันตภัยในหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566-2567 แต่ขนาดของความเสียหายโดยรวมยังอยู่ภายใต้การประมาณการ อีกทั้ง Reinsurer ยังมีผลตอบแทนที่สูงจากการลงทุนในพันธบัตรและตลาดทุนโดยเฉพาะการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ทำให้บริษัทรับประกันภัยต่อยังสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ปริมาณเงินกองทุนของบริษัทประกันภัยต่อเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้นจากผลกำไรที่มากขึ้น
ทั้งนี้ จากปริมาณเงินกองทุนที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทรับประกันภัยต่อส่วนใหญ่ต้องขยายงานเพิ่มมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่าการต่อสัญญาประกันภัยต่อของบริษัทรับประกันภัยในปี 2568 จะใกล้เคียงกับปีนี้
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ.กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI ยอมรับว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตน้อยกว่า 3% จากที่รัฐบาลคาดเติบโตที่ 4-4.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน และ มีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศ
ในส่วนของภาคตลาดทุน และ ตลาดหุ้นไทยในปี 2568 คาดดัชนีจะทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ 1,450-1,460 จุด ผลประกอบการของบจ.มีแนวโน้มทรงตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก และ โรงพยาบาล ยังมีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง ส่วนหุ้นในกลุ่มน้ำมัน ยังคงหลีกเลี่ยง เนื่องจากราคาน้ำมันมีความผันผวน และ อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
สำหรับพอร์ตลงทุนของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การลงทุนหุ้นในตลาดฯ 27% คิดเป็นเม็ดเงิน 7,690 ล้านบาท , พันธบัตร 29% วงเงิน 8,240 ล้านบาท , เงินฝากประจำ 28% หรือ 7,944 ล้านบาท , หุ้นทุนนอกตลาดฯ 4% หรือ 1,105 ล้านบาท , เงินให้กู้ 4% คิดเป็นเม็ดเงิน 1,265 ล้านบาท และ อีก 5% เป็นกองรีทฯ ซึ่งคาดว่า ปีหน้าผลตอบแทนจากการลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากปีนี้
"ในไตรมาส 4 นี้จะมีการขายหุ้นทำกำไรบางส่วน เพื่อมาชดเชยกับการหดตัวของการรับประกันภัยต่อที่ 9 เดือนปีนี้ติดลบไป 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน"นายชัย กล่าว
ด้านดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI คาดว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมปีนี้น่าจะเติบโต 7% หรืออยู่ที่ 32,000 ล้านบาท ต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมที่ 8% หรือ มีเบี้ยรับ 32,400 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายรถยนต์ที่ปรับลดต่อเนื่อง โดยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนต.ค. ลดลงจากเดือนก.ย.ถึง 36.8% ต่ำสุดในรอบ 54 เดือนนับตั้งแต่ยกเลิกล๊อคดาวน์จากการระบาดโรคหวัด 19
ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรถไม่เติบโต เพราะสัดส่วนเบี้ยประกันรถยังคงสัดส่วนสูงสุดของพอร์ต ส่วนอุตสาหกรรมประกันภัยคาดว่าจะติดลบ 0.2% ประกอบกับจำนวนรถยนต์ใหม่ที่ออกน้อยลง และใน Q4/67 คาดว่าจะรับรู้รายได้จากการประกันภัยนาข้าวเข้ามาอีก 100 ล้านบาท
นางสาวลสา โสภณพนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI กล่าวถึงทิศทางภาพรวมตลาดการประกันภัยต่อในปี 68 คาดการณ์ว่าจะมีความคล่องตัวมากขึ้น จากปัจจัยต่างๆ ทั้งผลประกอบการของบริษัทรับประกันภัยต่อ (Reinsurer) ได้รับผลกำไรจากการดำเนินงานรับประกันภัยต่อ เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการปรับเบี้ยประกันภัยต่อ (Reinsurance Pricing) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการที่ Reinsurer ทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนจากความเสียหายจากมหันตภัยในหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566-2567 แต่ขนาดของความเสียหายโดยรวมยังอยู่ภายใต้การประมาณการ อีกทั้ง Reinsurer ยังมีผลตอบแทนที่สูงจากการลงทุนในพันธบัตรและตลาดทุนโดยเฉพาะการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ทำให้บริษัทรับประกันภัยต่อยังสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ปริมาณเงินกองทุนของบริษัทประกันภัยต่อเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้นจากผลกำไรที่มากขึ้น
ทั้งนี้ จากปริมาณเงินกองทุนที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทรับประกันภัยต่อส่วนใหญ่ต้องขยายงานเพิ่มมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่าการต่อสัญญาประกันภัยต่อของบริษัทรับประกันภัยในปี 2568 จะใกล้เคียงกับปีนี้