Wealth Sharing

ตั้งแต่ “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ฉุดโฟลว์ไหลออกหุ้นเอเชียกว่า 26,400 ล้านเหรียญ


28 พฤศจิกายน 2567

แม้ว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯจะรู้ผลออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้ชนะสมัยที่ 2 แต่ก็ยังถือเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งก่อนและหลังที่เกิดกิจกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ทิศทางของกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง_WS (เว็บ).jpg

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ให้มุมมองว่านับตั้งแต่เดือน ต.ค. - พ.ย. 67 (เกือบ 2 เดือน) กระแสความนิยมของทรัมป์เร่งขึ้นมาสูงกว่าแฮร์ริสทั้งจากผลโพล ว่ามีโอกาสได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ต่อมาก็ได้รับเลือกจริงๆ และยังส่งสัญญาณว่าจะเริ่มต้นขึ้นภาษีเพิ่มเติม ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งวันแรก

ดังนั้น จึงกดดันฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลออกตลาดหุ้นในเอเชียหนักทุกแห่ง (ตั้งแต่เดือน ต.ค. - พ.ย. 67) นำโดย ตลาดหุ้นอินเดียขายสุทธิ 1.23 หมื่นล้านเหรียญฯ, เกาหลีใต้ขายสุทธิ 5.3 พันล้านเหรียญฯ, ไต้หวันขายสุทธิ 4.8 พันล้านเหรียญฯ, อินโดนีเซียขายสุทธิ 1.6 พันล้านเหรียญฯ, ไทยขายสุทธิ 1.2 พันล้านเหรียญฯ, เวียดนามถูกขายสุทธิ 891 ล้านเหรียญฯ และฟิลิปปินส์ถูกขายสุทธิ 277 ล้านเหรียญ

ขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวลงอย่างหนัก อาทิ ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลง 9.3%, ฟิลิปปินส์ปรับตัวลง 6.4%, อินเดียปรับตัวลง5.1%, อินโดนีเซียปรับตัวลง 3.7%, เวียดนามปรับตัวลง 3.6%, เกาหลีใต้ปรับตัวลง 2.8%, ไทยปรับตัวลง 0.7% แต่เม็ดเงินหมุนกลับไปตลาดหุ้นสหรัฐ (NASDAQ) จนดัชนีปรับตัวขึ้นมา 5.4%

ตั้งแต่-“ทรัมป์”-ชนะเลือกตั้ง.jpg