จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : EVER ปรับโครงสร้างธุรกิจ เน้นอสังหาฯแนวราบปั้นรายได้โต


30 พฤศจิกายน 2567

บมจ.เอเวอร์แลนด์ หรือ "EVER" ปรับโครงสร้างธุรกิจ ขายหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์วางกลยุทธ์บุกแนวราบเพิ่มขึ้น หวังสร้างฐานรายได้และพลิกฟื้นผลการดำเนินงานในปี 2567 ล่าสุดเข้าสู่โหมดเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 9 เดือนแรกมีรายได้ 980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% 

รายงานพิเศษ EVER ปรับโครงสร้างธุรกิจ.jpg

มั่นใจปี 67 เติบโตโดดเด่น

“สวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ EVER ให้ความเห็นกับ “STOCK FOCUS” ว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 มีทิศทางที่ดีและมีโอกาสเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,665.26 ล้านบาท เนื่องจากการปรับแผนธุรกิจ และกลยุทธ์การดำเนินงาน ที่หันมาเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น รองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์อย่างตรงจุด รวมทั้งแผนการกระจายแหล่งที่มาของรายได้มากขึ้น เพื่อสร้างฐานรายได้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต รวมถึงการสร้างแบรนด์ใหม่ๆ 

ปัจจุบัน EVER มีโครงการบ้านพักอาศัยแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว โดยใช้แบรนด์ “มายโฮม อเวนิว” และ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” รวมทั้งขยายเซกเมนต์ ด้วยเพิ่มการพัฒนาโครงการแนวราบ ขยายไปที่ทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” ขณะที่แนวสูง ได้แก่แบรนด์ “เดอะโพลิแทน” ทำเลย่านสนามบินน้ำ และ “มายรีสอร์ท หัวหิน” เป็นต้น

ลุยอสังหาฯ เต็มพิกัด

ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้นในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล ภายใต้บริษัท มาย ฮอสพิทอล จำกัด  จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วยโรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล, โรงพยาบาลราชสีมา ฮอสพิทอล และโรงพยาบาลพิษณุโลก ฮอสพิทอล เพื่อลดภาระและเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน ทำให้ได้รับเงินสดจำนวน 700 ล้านบาท โดยเงินจำนวนดังกล่าว จะนำมาใช้เป็นเงินทุนในธุรกิจสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรในอนาคต

เล็งเปิดตัวโครงการใหม่ 

บริษัทฯ ได้ทยอยเปิดโครงการแนวราบเพิ่มเติมในไตรมาส 2/2567 ได้แก่ แบรนด์ “มายโฮม” โครงการ “ซิลเวอร์เลค วินด์” เฟส 1 และเฟส 2, แบรนด์ “เอเวอร์ซิตี้” โครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” จำนวน 128 ยูนิต ซึ่งเป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว มูลค่า 630 ล้านบาท ปรากฏว่ากระแสตอบรับดีมาก ล่าสุดเปิดโซน Private โครงการ “เอเวอร์ซิตี้ ศรีนครินทร์ – หนามแดง” จำนวน 22 หลัง แบบทาวน์โฮมหลังใหญ่ 3 นอน 1 ชั้นลอย 1 อเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ สายไฟร้อยท่อฝังใต้ดินเข้าบ้าน ไม่บังหน้าบ้าน  

นอกจากนี้ ยังการเตรียมเปิดขายเฟสต่อเนื่องบ้านเดี่ยวแบรนด์ มายโฮม โครงการ “ซิลเวอร์เลค วินด์” เฟส 3 จำนวน 31 ยูนิต มูลค่า 530 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.99 -15 ล้านบาท/แปลง ในปี 2568 รวมทั้งการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 33 ยูนิต ภายใต้โครงการ “33 Residence” ที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อที่ดินจาก สุวินทวงศ์ โกลด์ แอสเซ็ท มูลค่า 167 ล้านบาทในปี 2568 เช่นกัน

โครงการแนวราบเป็นโครงการเรือธงที่สำคัญ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างรายได้ใหม่อย่างเด่นชัดในปีนี้และปีหน้า ควบคู่กับโครงการแนวสูงที่มีอยู่ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสในการแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อสร้างผลกำไรให้มากขึ้น รวมถึงการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอโอนรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 500 – 600  ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ได้ภายในช่วงครึ่งปีหลังนี้จนถึงปีหน้า 

ขยายพอร์ตแนวราบปั้นยอดขายในอนาคต

บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาการนำที่ดินจำนวน 1 แปลง ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบระดับพรีเมี่ยม พร้อมกับตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนโครงการอสังหาฯ แนวราบเป็น 40 – 50% ในปี 2568 และเพิ่มเป็น 55% ในปี 2569 จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 40% ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะสนับสนุนต่อการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง 

มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

EVER ในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นห้วงเวลาของการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเติมเต็มจุดแข็ง ผ่านการพัฒนาโครงการแนวราบเพื่อต่อยอดและเพิ่มรายได้…ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรในอนาคต และภาคธุรกิจอสังหาฯ จะเกิดอะไรขึ้น ความมุ่งมั่นในการเสริมความแข็งแกร่งด้านทุน การสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน พร้อมกับแผนการขยายโครงการแนวราบ ยอด Backlog ที่แข็งแกร่ง การเร่งตัวเพื่อทำให้เติบโตได้เร็วกว่าแบบเดิม ไม่ว่าจะในรูปแบบใด น่าจะสะท้อนถึงผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับเดินไปสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน