รายงานพิเศษ : TIDLOR ผลงาน Q4 อนาคตสดใส รุก “ปล่อยสินเชื่อ - Yield ปรับเพิ่ม”
บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ผลงานไตรมาส4 กลับมาเติบโตมีอนาคตสดใส หลังผ่านจุดต่ำสุด โดยผู้บริหารมั่นใจสินเชื่อปีนี้โต 9% และกำไรยังเติบโตได้ดีจาก Yield ที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าใหม่
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ วิเคราะห์หุ้น บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) โดยระบุว่า กำไรไตรมาส 3/67 ลดลง -9.2% จากไตรมาสก่อน และลดลง 1.6% จากปีก่อน ผลจากการตั้งสำรองเพิ่ม ฉุดกำไร 9 เดือนปี 67 โตเพียง 10.3% จากปีก่อน
โดยบริษัทยังคงมีรายได้และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายได้รวมเติบโต 16% จากปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อและนายหน้าประกันภัย ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยรับและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวสูงขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานยังคงเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจ ประกอบกับการตั้งสำรอง ECL ที่เพิ่มขึ้นตามแนวทางการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุก และต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง ส่งผลให้มีกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 991 ลบ. ลดลง 1.6% จากปีก่อน และ 9.2% จากไตรมาสก่อน
ฉุดกำไร 9 เดือนปี 67 อยู่ที่ 3,186 ล้านบาท โตเพียง 10.3% จากปีก่อน ทางด้านพอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม ณ สิ้น 3Q67 อยู่ที่ 1.03 แสนลบ. โต 11.8% จากปีก่อน ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบโตที่ชะลอลงเป็นไปตามกลยุทธ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวด
โดยยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อ โดยมี NPL 1.88% ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 2% โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่ 1.86% จากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด และการชะลอตัวของปริมาณการปล่อยสินเชื่อ แต่ยังมีระดับ coverage ratio ที่สูงสุดในกลุ่มที่ 230.6%
สำหรับแผนการปรับโครงสร้างองค์กรเป็น Holding Company ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คาดการแลกหุ้นในอัตรา 1:1 จะเกิดขึ้นและปรับโครงสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 4/67 และจบในไตรมาส 1/68 นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัว และปลดล็อคการถูกคุมการก่อหนี้ตามพรบ.ต่างด้าวที่ D/E 7 เท่า ซึ่งจะทำให้สามารถกลับมาจ่ายปันผลเป็นเงินสดได้มากขึ้น
ทั้งนี้แม้กำไรไตรมาส 3/67 จะลดลงจากไตรมาสก่อน และ จากปีก่อน แต่ถือว่าเป็นไปตามคาดการณ์ และถือว่ากำไร 9M67 ยังดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า โดยคิดเป็น 79%ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา ประกอบกับหลังประชุมกับผู้บริหาร คาดไตรมาส 4/67 ความกดดันจากการตั้งสำรองลดลง คาดจะตั้งสำรองน้อยกว่าไตรมาส 3/67
ประกอบกับการกลับมารุกปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นหลังจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ในระดับที่น่าพอใจแล้ว บนสมมติฐานสินเชื่อทั้งปีโต 9% กับ Yield ที่ปรับเพิ่มขึ้นหลังเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าใหม่ จะหนุนให้ไตรมาส 4/67 มีกำไรเติบโตขึ้น 18.6%จากปีก่อน และดันกำไรทั้งปี67 มาอยู่ที่ 4,255 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.3% จากปีก่อน ทำกำไรนิวไฮต่อเนื่องอีก 1 ปี สอดคล้องกับ outlook ของผู้บริหารที่มองกำไรปีนี้โต double digit ได้
ดังนั้น บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ “ซื้อ” เราปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 20.5 บาท อิง PBV68F ที่ 1.8X (ด้วยวิธี GGM ภายใต้สมมติฐาน LT ROE 14.5%, COE 12%, LT-Growth 9%) ราคาปัจจุบันยังมี upside ถึง 17.8% เชื่อว่าผลประกอบการ TIDLOR จะผ่านจุดเลวร้ายสุดในการตั้งสำรอง ECL ไปแล้วในไตรมาส 3/67 เชื่อหลังการ clean up balance sheet ไปแล้วในไตรมาสก่อน จะทำให้ TIDLOR กลับมาเติบโตบนคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ TIDLOR ถือเป็นผู้นำในธุรกิจจำนำทะเบียน มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30% และเป็นผู้นำในธุรกิจนายหน้าประกัน ซึ่งทำให้มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันที่ยังโตดีต่อเนื่องช่วยหนุน ประกอบกับมี NPL Coverage ratio ที่สูงสุดในกลุ่มถึง 231% และยังได้รับผลบวกจากดอกเบี้ยขาลง บวกกับยังเชื่อว่าปีนี้ TIDLOR ยังมีกำไรโตขึ้นและทำนิวไฮได้ แนะซื้อ