Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 04-12-24 (หมัดต่อหมัด MONO : SET)
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 04-12-24 (หมัดต่อหมัด MONO : SET)
04-12-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***กลับมาแล้วจ๊าาาาา หลังจากที่เดินทางไปชาร์จแบตเตอรี่ที่ญี่ปุ่น ..พลังงานกลับมาเต็มร้อย!!! แต่ยังอยากอยู่ต่ออีกอ่ะ!!! ไปประเทศนี้แล้วแฮปปี้สุดๆ กินอร่อย ช้อปปิ้งสนุก ทุกท่านสวยงาม เดินทางสะดวก ห้องน้ำสะอาด และรู้สึกเป็นเมืองปลอดภัย
***แต่ถึงเวลาทำงานเจ๊ก้อต้องกลับมายืนทีเดิม..เพิ่มเติมคือคิดถึงแฟนคลับนะจ๊ะ ตอนนี้มีอยู่ 3 เรื่องที่นักลงทุนให้ความสนใจหลักๆคือ
1.เฟดจะขึ้น-หรือ- ไม่ขึ้นดอกเบี้ย
2.การประกาศหุ้นเข้า SET50 และ SET100
3.”เจนเซน หวง” แห่ง NVIDIA มาเมืองไทย
***เรื่องแรก..สัญญาณอยู่ที่การจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของ พาวเวล (ปธ.เฟด) วันที่ 4 ธ.ค.นี้ ก่อนประชุม FOMC นัดสุดท้าย 17-18 ธ.ค.ปีนี้ และติดตามตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน และจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 แสน/1.83 แสนราย, ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย. (มีรายงานว่า FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 76% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุม 17-18 ธ.ค. นี้)
***เรื่อง SET50 และ SET100 เป็นเรื่องต่อเนื่องจากที่เจ๊เขียนกอสสิปครั้งก่อน..ครั้งนี้ทีมกลยุทธ์ KSS ระบุว่าผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. – 29 พ.ย.67 (ครบตามที่ตลาดฯใช้จริงในการคำนวณหาหุ้นเข้า/ออก) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความแม่นยำสูง โดยเราหวังว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้โดยมีรายละเอียดดังนี้
-หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 100%), SAWAD (โอกาสเข้า 100%), COM7 (โอกาสเข้า 95%)และ CCET (โอกาสเข้า 95%)
-หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ CENTEL (โอกาสหลุด 95%), BCP (โอกาสหลุด 95%), TIDLOR (โอกาสหลุด 95%) และEA (โอกาสหลุด 100%)
-หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ JTS, CCET, PR9,COCOCO
-หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 4 บริษัท คือ MBK, RBF,TIPH, TOA
***ส่วนเรื่องสุดท้ายที่นาย เจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NVIDIA บ.ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปด้าน AI มาเยือนไทยครั้งนี้..ประเมินกันว่าน่าจะมีการหารือความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะความเป็นไปไก้ในการลงทุนชิป และ AI ในประเทศไทย มองจิตวิทยาบวกต่อโอกาสเกิด New S Curve ใหม่ของไทยในฝั่ง Semi-conductor และหุ้นชิ้นส่วนฯ ที่มีศักยภาพต่อยอดกับ NVIDIA ได้ ในกลุ่มที่จำหน่ายสินค้าเชื่อมโยง Data Center อยู่แล้ว อาทิ DELTA, CCET และหุ้นนิคมที่ให้บริการด้านพื้นที่ WHA, AMATA
***กูรูหุ้นบอกว่ามีโอกาสเห็นพัฒนาการความก้าวหน้า AI ที่เร็วขึ้นคาดนำมาสู่การเติบโต Data Center ที่มีโอกาสก้าวกระโดดไปมากกว่าเดิมที่ตลาดคาดไว้ บวกต่อหุ้นธีม Infra Tech นิคม WHA, AMATA โรงไฟฟ้า GULF, GPSC สื่อสาร ADVANC กลุ่ม Digital Tech ทั้ง BBIK และ BE8
***นอกจากสามเรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นกว้างๆ แล้วยังมีอีก 2 เรื่องที่เจ๊จิ๋มสนใจมากๆ คือ EA เพิ่มทุน และ MONO
***เริ่มที่ EA ก่อนเลย บอร์ดประกาศ “เพิ่มทุน” RO จำนวน 3.7 พันล้านหุ้น อัตรา 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคา 2 บาทต่อหุ้น พ่วงแจกวอร์แรนต์ EA-W1 ราคาแปลงสิทธิ 4.00 บาทต่อหุ้น มีอายุ 3 ปี ครั้งนี้หากว่าประสบความสำเร็จจะได้เงินราว 7,460 ล้านบาท
***EA มีแผนใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน เพื่อใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินของบริษัทฯ และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ เพื่อเป็นการลดภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินของบริษัทฯ และหากบริษัทฯ มีเงินเพิ่มทุนเหลือภายหลังจากการดำเนินการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ดังกล่าว บริษัทฯ จะใช้เงินเพิ่มทุนเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งเพื่อนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินของบริษัทฯ และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ จำนวน 6,660 ล้านบาท ภายในปี 2570
- เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ จำนวน 300 ล้านบาท ภายในปี 2570
- เพื่อนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่จังหวัดภูเก็ต กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบแทน Equity IRR ร้อยละ 15.00 จำนวน 500 ล้านบาท ภายในปี 2569
***ส่วนเรื่องของ MONO กับ SET ใช้คำว่า “หมัด ต่อ หมัด” ละกัน!!! ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว SET หรือ ตลท.ได้แจ้งให้ MONO เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance เริ่มต้น 27 พ.ย. 2567 ถึง 17 ธ.ค. 2567
***จากนั้นก้อมีการเปิดเผยตามมาอีกเป็นละเอียดยิบว่าจากกรณีที่ MONO ถูกประกาศให้เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่วันที่27 พ.ย. 2567 ถึง 17 ธ.ค. 2567 ซึ่งในช่วงเวลาที่อยู่ในมาตรการ 4 วันทำการ จนถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2567 พบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพการซื้อขาย ดังนี้
1.ราคาและมูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกวันคิดเป็น 31.5% นับตั้งแต่เข้ามาตรการ เช่นเดียวกับมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเข้ามาตรการ ทั้งที่ไม่มีสารสนเทศ (Material information) ใหม่เพิ่มเติมในช่วงนี้ ด้วย P/E ที่ขาดทุน และ P/BV ที่ 8.82 เท่า
2.อัตราการหมุนเวียนเปลี่ยนมือสูงอันอาจแสดงถึงภาวะการเก็งกำไรที่สูงขึ้น ซึ่งเปอร์เซ็นต์ Daily Turnover ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากเฉลี่ยในช่วงก่อนเข้ามาตรการที่ 0.75% เป็น 3.04%
3.พบกลุ่มคนที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันเข้าซื้อขาย โดยกลุ่มคนดังกล่าวเข้าซื้อขายในแต่ละวันประมาณ 15% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งวัน โดยพบว่ามีส่วนสนับสนุนทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น
***ทั้งนี้ หากพบว่าสภาพการซื้อขายของหลักทรัพย์ MONO ยังคงผิดไปจากสภาพปกติโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental) สนับสนุน หลักทรัพย์ MONO จะถูกยกระดับจากมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 เข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 2 ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ปัจจุบันที่กำหนด โดยห้าม Net settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย, Cash Balance และให้ซื้อขายด้วยวิธี Auction
***หันไปส่องดูราคาหุ้น MONO เมื่อวานไหลลงตั้งแต่เปิดตลาดตอนเช้าเลย มีแรงเทขายออกมาต่อเนื่องจนราคาหุ้นลงมาปิดที่ 2.40 บาท ลดลง 0.52 บาท หรือ -17.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 373.40 ลบ.
***ตกค่ำเมื่อคืนวานเวลา 21.29 น.ทาง MONO มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านระบบของตลท. โดยแจกแจงว่า “บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ขอชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงในสภาพการซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกและสภาวการณ์อื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯตรวจพบกลุ่มบุคคลที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันเข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน หากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรต้องรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกประกาศแจ้งเตือนนักลงทุน เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ซึ่งส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกและความเสียหายเกินควร อันเป็นเหตุให้ราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อบริษัทฯ และหลักทรัพย์ของบริษัทฯได้รับผลกระทบโดยไม่มีเหตุสมควรตามกฎหมาย ถือเป็นการกระท าที่ควรด าเนินการด้วยความระมัดระวังมากกว่านี้ หากมีความจ าเป็นต้องแจ้งเตือนกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ลงทุนในวงกว้าง
***บริษัทฯ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ลงทุนและบริษัทฯ อย่างเหมาะสม บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้สิทธิทางกฎหมายต่อการกระทำใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
***พอได้อ่านข้อมูลของทั้งสองฝั่งระหว่าง MONO : SET แหม!!! ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหน นึกออกแค่คำว่า “หมัด ต่อ หมัด” เพราะดูทรงแล้วต่างยืนอยู่บนหลักการของตนเอง ไม่มีใครยอมใครเลยล่ะ!!!