Talk of The Town

THAI หากเพิ่มทุนสำเร็จ หนุนเงินสดในมือ 1 แสนล้านบาท แต่ระยะยาวยังเสี่ยง การเมืองแทรกแซง


04 ธันวาคม 2567

จับตาการเพิ่มทุน THAI นักวิเคราะห์เผยราคาหุ้นเพิ่มทุนต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงิน มี Upside ราว 12-56% และหากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ขายได้ 100% จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น THAI พลิกกลับมาเป็นบวก 69,486 ล้านบาท และ THAI จะมีเงินสดในมือกว่า 103,786 ล้านบาท แต่ระยะยาวยังมีความไม่แน่นอนจากการเข้ามามีบทบาทของรัฐบาล

THAI หากเพิ่มทุนสำเร็จ_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ได้สรุปข้อมูลเบื้องต้นกรณีการขายหุ้นเพิ่มทุน THAI โดย THAI เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1 หุ้นเดิม ต่อ 4.5 หุ้นเพิ่มทุน ที่ราคา 4.48 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ที่ปรึกษาทางการเงินประเมินมูลค่ายุติธรรมหุ้น THAI ที่ประมาณ 5-7 บาท ด้วยวิธี EV/EBITDA ที่ 4-5 เท่า อิงจากค่าเฉลี่ยสายการบิน Full service ทั่วโลก

THAI กลับมามีผลประกอบการเป็นกำไรปกติ 2.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 และคาดปี 2567 จะมีกำไรปกติราว 1.6 หมื่นล้านบาท (ลดลงเพราะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ สูงขึ้น) และปี 2568 เชื่อว่าจะยังมีผลการดำเนินงานเป็นกำไรต่อเนื่อง

ขณะที่ฐานะทางการเงินล่าสุดสิ้นไตรมาส 3/674 มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 1.7 แสนล้านบาท และมีส่วนทุนติดลบ 2.8 หมื่นล้านบาท

โดยการแปลงหนี้เป็นทุนเมื่อเดือน พ.ย.2567 (ราคาแปลงเป็นหุ้นเพิ่มทุนที่ 2.5452 บาท) มีการใช้สิทธิ 90% ลดหนี้ลงได้ 5.3 หมื่นล้านบาท และมีหุ้นเพิ่มจากการแปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 20,989 ล้านหุ้น (เทียบกับหุ้นสามัญเดิมที่ 2,183 ล้านหุ้น)

ดังนั้นหากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ขายได้ 100% จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น THAI พลิกกลับมาเป็นบวก 69,486 ล้านบาท และ THAI จะมีเงินสดในมือกว่า 103,786 ล้านบาท (เงินสดเพิ่มทุน 44,005 ล้านบาท รวมกับเงินสด ณ สิ้น ไตรมาส 3/67 ที่ 59,782 ล้านบาท) และหลังจากเสร็จสิ้นการเพิ่มทุน THAI จะทำเรื่องเพื่อขอออกจากแผนฟื้นฟู และกลับมาซื้อขายใน ตลท. อีกครั้งราวกลางปี 2568

โดยฝ่ายวิจัยมองว่าผลการดำเนินงานของ THAI ฟื้นตัวดีขึ้นกลับมาเป็นบวก และฐานะทางการเงินจะแข็งแกร่งขึ้นพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคตหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้

ขณะที่ราคาหุ้นเพิ่มทุนต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงิน มี Upside ราว 12-56% อย่างไรก็ตาม การลงทุนหุ้น THAI มีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม ดังนี้

1.มองว่าผลการที่ดีขึ้นของ THAI เกิดจาก 3 ส่วนหลัก คือ การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการทำให้ THAI มีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพขึ้น อุตฯ การบินในปี 2566-67 มีปัจจัยบวกจาก supply จำกัด ในขณะที่ demand ฟื้นจากสถานการณณ์ COVID-19 

และ  THAI (อาจ) ได้ประโยชน์จากต้นทุนและค่าใช้จ่ายอัตราพิเศษจากคู่ค้าในช่วงฟื้นฟูกิจการ ดังนี้ จึงยังมีความไม่แน่นอนว่าหากสิ้นสุดปัจจัยบวกข้อดังกล่าว ผลประกอบการ THAI จะยังแข็งแกร่งหรือไม่

2.มีสัญญาณว่ารัฐบาลเตรียมกลับเข้ามามีบทบาทใน THAI มากขึ้น (ต้องยอมรับว่าการที่  THAI ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมาส่วนหนึ่งเกิดจากการบริหารงานที่ไม่มีประสิทธิภาพซึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลเข้ามามีบทบาทใน THAI มากเกินไป) ด้วยการส่งตัวแทนจากรัฐบาล 2 คน เข้ามาเป็นผู้บริหารแผน 

ทำให้ปัจจุบันมีตัวแทนจากรัฐบาลเพิ่มเป็น 3 คน ในคณะผู้บริหารแผนทั้งหมด 5 คน (ทั้งนี้ เจ้าหนี้บางกลุ่มไม่เห็นด้วยและอยู่ระหว่างฟ้องศาลเพื่อล้มเลิกมติดังกล่าว) และหลังการปรับโครงสร้างรัฐบาลและหน่วยงานรัฐยังถือหุ้น THAI ในสัดส่วนราว 40%

3.มีความเสี่ยงกรณีมีแรงขายทำกำไรจาก ผู้ถือหุ้นเดิม (2.2 พันล้านหุ้น) ที่ถือหุ้น THAI ก่อนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยมีราคาปิดอยู่ที่ 3.32 บาท และ  เจ้าหนี้ที่แปลงหนี้เป็นทุนที่ 2.5452 บาท/หุ้น (2.1 หมื่นล้านหุ้น) ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มนี้มี Lock-up period 1 ปี นับแต่หุ้นกลับเข้ามาซื้อขายใน ตลท. และ 25% ของหุ้นกลุ่มนี้สามารถขายได้เมื่อครบกำหนด 6 เดือน)  และ 4.ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะขาดสภาพคล่องราว 6 เดือน เนื่องจากคาดว่าหุ้น THAI จะกลับเข้ามาซื้อขายใน ตลท. ราวกลางปี 2568

ดังนั้นมองหุ้น THAI มีความน่าสนใจจากผลการดำเนินงานที่ฟื้นกลับมาเป็นกำไร ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น และมูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินมี Upside 12-56% 

แต่ระยะยาวยังมีความไม่แน่นอนจากการเข้ามามีบทบาทของรัฐบาล และการเผชิญการแข่งขันในธุรกิจการบินในภาวะปกติ (เมื่อไม่ได้ประโยชน์จากการอยู่ในแผนฟื้นฟู และอุตฯ การบินกลับสู่ภาวะปกติหลังปัญหา Supply จำกัดเริ่มคลี่คลายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า)