IVF ต่ำจองหนัก! โบรกฯ ชี้ P/E แพงกว่ากลุ่ม ลั่นราคา IPO มีพรีเมียมแล้ว
IVF เปิดการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่ราคา 2.70 บาท ปรับตัวลดลง 12.90% จากราคาไอพีโอที่ 3.10 บาท ด้านโบรกฯ มองราคาไอพีโอมีพรีเมียมแล้ว แถม P/E แพงกว่ากลุ่ม
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด คาดรายได้ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าในปี 2567 การเติบโตของลูกค้าวไทยมากกว่าชาวต่างชาติ ซึ่งมีอัตราค่าบริการต่ำกว่า และรับบริการการรักษาด้วยวิธี ICSI ลดลง ทำให้รายได้ทั้งปี 2567 จะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า
แต่กำไรจะเร่งตัวขึ้นในปีหน้า โดยมองกำไรปี 2567 ชะลอตัว จากรายได้ที่คาดว่าจะทรงตัวในปีนี้ ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากค่าตอบแทนบุคลากร ค่าใช้จ่ายในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ และการทบทวนนโยบายอายุการใช้งานของเครื่องมือแพทย์จาก 15 ปี เป็น 10 ปี รวมถึงมีการซื้อเครื่องมือใหม่ ทำให้ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยกดดันอัตรากำไร โดยมองว่าต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่กดดันกำไรในปีนี้จะลดลงในปีหน้า ช่วยหนุนกำไรให้เร่งตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้น ด้วย P/E เฉลี่ยของผู้ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันใน SET และ mai ที่ 18.7 เท่า จึงมองว่ามูลค่าเหมาะสมสำหรับปี 2567 ของบริษัท ณ ราคา IPO มีพรีเมียมแล้ว
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า IVF เป็นผู้ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก (infertility treatment) ชั้นนำโดยมีรายได้หลัก ๆ จากการทำ infertility treatment ซึ่งครอบคลุม ตั้งแต่วิธี Intracytoplasmic sperm injection (ICSI), การตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อน (Preimplantation genetic testing: PGT) รวมจนถึงการรักษาภาวะการเจริญพันธุ์ (Fertility preservation)
นอกจากนี้ บริษัทยังมีให้บริการเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟู (Preventive and regenerative medicine: PRM) ซึ่งบริษัทเริ่มให้บริการตั้งแต่กลางปี 2566 ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะระดมทุนเพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายสาขาและเพื่อเป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่ (2566-2568 CAGR) 29% เป็น 88 ล้านบาทในปี 2568 หนุนด้วยจำนวนรอบการเก็บไข่ของบริการ ICSI (Oocyte Pick-up Cycle: OPU cycle) ที่สูงขึ้น รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้น ที่ดีขึ้นจากสัดส่วน (revenue mix) ที่ดีขึ้น และส่วนประหยัดต่อขนาด (economies of scale) ที่ขยายขึ้นจากฐานรายได้ที่สูงขึ้น
พร้อมกันนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสมสำหรับ IVF ที่ 4.40 บาท อิง P/E ที่ 26.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่ 17.6 เท่า โดยมองว่า IVF สมควรซื้อขายที่ premium เนื่องจากอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าคู่แข่ง