Mr.Data
สัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ชัดเจนยิ่งไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางจีน และธนาคารกลางอินเดีย รวมถึงธนาคารกลางของประเทศไทย
ล่าสุดในช่วงปลายสัปดาห์ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดดอกเบี้ย Deposit Rate ลง -25bps เหลือ 3.00% ตามที่ตลาดคาด แต่ปรับคาดการณ์ GDP ปี 2568 และ 2569 ลงเหลือ 1.1% และ 1.4% จาก 1.3% และ 1.5% ตามลำดับ
ส่งผลให้เงินสกุลยูโร และ Bond Yield ของยูโรโซนอ่อนตัวลง และตลาดหุ้นยุโรปเร่งตัวขึ้น จากคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของ ECB
ขณะที่อินเดียเริ่มมีความหวัง ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น หลังเงินเฟ้อชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของอินเดียในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงสู่ 5.48% YoY จาก 6.21% YoY ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 5.53% ของนักวิเคราะห์ นับเป็นสัญญาณบวกต่อการลดดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางอินเดีย (RBI) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 6.5% ในการประชุมครั้งล่าสุด
ในช่วงกลางสัปดาห์สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน พ.ย. พบว่าขยายตัว 2.7% YoY 0.3%MoM และเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 3.3%YoY , 0.3% MoM สอดคล้องกับที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการปรับลงของราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเตา (-19.5%YoY) รวมไปถึงราคารถมือสองและรถบรรทุก (-3.4%YoY)
บล.พาย ประเมินว่า ในปี 68 เฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ลดลงจาก Dot Plot ของเฟดที่ 4 ครั้ง สะท้อนมุมมองที่เข้มงวดมากขึ้นจากตลาด ซึ่งอาจเกิดจากความคาดหวังเงินเฟ้อจะไม่ปรับลงแรง รวมไปถึงการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆภายใต้นโยบายของ Trump จะเป็นอีกแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ
ส่วนค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าทดสอบ 33.8 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จากก่อนหน้าที่ 33.6 บาท/ ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนนึงเชื่อว่าเกิดจาก Dollar Index ที่แข็งค่า
ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ส่วนนักวิเคราะห์อื่นๆ คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมนโยบายของธนาคารกลางในเดือนธันวาคม 2567
แล้วแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะไปในทิศทางไหน???
มุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 18 ธ.ค. 2567 นี้ คาดกนง.มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% มติไม่เป็นเอกฉันท์ หลังจากในการประชุมเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา กนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ยที่ 0.25% ไปแล้ว ซึ่ง กนง. มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เป็นกลาง และสอดคล้องกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพการเงิน
ส่วนแนวโน้มในปี 2568 มีความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกราว 2 ครั้ง เนื่องจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่ทิศทางเงินเฟ้อในปี 2568 ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของ กนง. ที่ 1-3%
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทิศทางนโยบายการเงินของ กนง. ในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะจังหวะและขนาดในการปรับลดดอกเบี้ยยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยคงขึ้นอยู่กับข้อมูลด้านเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและเสถียรภาพทางการเงินที่ออกมาระหว่างทางเป็นสำคัญ
ขณะที่มุมมอง บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า เงินเฟ้อไทยเดือน พ.ย. ขยายตัว 0.95% ต่ำกว่าคาด ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือน พ.ย. 2567 เท่ากับ 108.47 สูงขึ้น 0.95% ต่อปี (ลดลง 0.13% ต่อเดือน) และต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์และตลาดคาดที่ 1.2%
โดยเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไปจะเพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าคาดจากโมเมนตัมเงินเฟ้อที่ลดลงกว่าคาด พร้อมกับต้นทุนการผลิตที่ลดลง ทำให้การส่งผ่านสู่ผู้บริโภคมีไม่มากนัก รวมไปถึงกำลังซื้อประชาชนที่เปราะบาง เห็นได้จาก Momentum เงินเฟ้อที่อ่อนแอ
โดยปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 2567 มาอยู่ที่ 0.4% ต่ำกว่าที่เราคาดที่ 0.6% ด้านเงินเฟ้อปี 2025 เราปรับประมาณการลง จาก 1.4% เป็น 0.9% จากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวต่ำ และการแข่งขันที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ และการแข่งขันด้านการค้าอีคอมเมิร์ซ ท้าให้มีการแข่งขันท่ามกลางความต้องการบริโภคในประเทศที่ยังเปราะบาง
ทั้งนี้ประเมินว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 18 ธ.ค. จะลดดอกเบี้ยนโยบาย จาก 2.25% สู่ 2.00% เนื่องจากโมเมนตัมเงินเฟ้อที่ชะลอลงกว่าคาดมาก และภาวะทางการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่อง (ค่าเงินแข็งค่า สินเชื่อหดตัวในรอบ 14 ปี NPL และสินเชื่อที่ต้องระมัดระวัง (SM) เพิ่มขึ้น) และการปล่อยสินเชื่อยากขึ้น รวมไปถึงมุมมองของ IMF ที่สนับสนุนการลดดอกเบี้ย ท่ามกลางข้อเสนอให้รัฐบาลเริ่มลดทอนมาตรการการคลังผ่อนคลาย
แนะกลยุทธ์ลงทุนเดือนธ.ค.รับดอกเบี้ยขาลง
บล.ฟินันเซียไซรัส มองว่า มีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงในสัปดาห์หน้าอีก 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% รวมถึงแนวโน้มในปี 68 ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดปรับลงต่ออีก 0.50-0.75% ในปีหน้าสู่ระดับ 3.75-4%
กลยุทธ์การลงทุน เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : AAV, BDMS, CPALL, MAGURO, RBF