Talk of The Town

CPAXT-CPALL มาร์เก็ตแคปวูบแสนล้าน เซ่นพิษลงทุนอุ้มธุรกิจอสังหาฯในเครือ โบรกฯมองเป็นลบ คาด 2 ปีแรกขาดทุนแน่!


16 ธันวาคม 2567

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT วันนี้ (16 ธ.ค.67) ปรับตัวลดลงต่ำสุดของการซื้อขายภาคเช้าที่ระดับ 28 บาท ลดลงกว่า 19.42% โดยมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 2 พันล้านบาท โดยจากการสำรวจเพิ่มเติมพบว่าส่งผลให้มูลค่ามาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 59,959 ล้านบาท

CPAXT-CPALL มาร์เก็ตแคปวูบแสนล้าน_S2T (เว็บ)_0.jpg

เช่นเดียวกันบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่มีฐานะเป็นบริษัทแม่ของ CPAXT ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 8.8% ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายอันดับหนึ่งในตลาดหุ้นไทย และมาร์เก็ตแคปหายไป จำนวน 38,178 ล้านบาท

โดยเกิดจากประเด็นที่ CPAXT ประกาศเข้าลงทุนธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ แบบ Mixed-Use Development ภายใต้ชื่อ “The Happitat” ส่วนหนึ่งในโครงการ The Forestias

ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการราว 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท และมีโอกาสที่จะทำให้ CPAXT จะต้องมีดอกเบี้ยจ่ายรายปีที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไร 

ดังนั้นเองจึงส่งผลให้นักวิเคราะห์ให้มุมมองว่าดีลดังกล่าวเป็นผลลบ และอาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิตั้งแต่ในงวดปี 68 เป็นต้นไป เพราะว่าจะต้องมีการจ่ายดอกเบี้ยกว่าปีละ 300-400 ล้านบาท

โดย บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด มองว่า การจัดตั้งบริษัทย่อย ทุน 8,940 ล้านบาท ลงทุนในโครงการ Habitat - mix used ของ MQDC โดยโครงการนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว 70-80% โดยจะใช้เงินของตัวเองและกู้ผลกระทบของโครงการนี้ คือ คาดว่าจะขาดทุนใน 2 ปีแรก จากการจ่ายดอกเบี้ย คาดการณ์กำไรในปี 2028 โดยมองดีลนี้เป็นลบ เพราะมองว่า CPAXT เข้าไปช่วย MQDC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ รวมถึงราคาซื้อที่ใช้การประเมินแบบ income approach นอกจากนี้ CPAXT เป็นค้าปลีกไม่ได้เก่งอสังหาฯ

ดังนั้นโอกาสที่ราคาหุ้นวันนี้จะปรับตัวลดลงสูงมาก คาดการณ์ว่าราคาหุ้นวันนี้จะปรับตัวลดลง 1.50 บาท (อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้นอกจากนี้อาจกระทบ CPALL ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ CPAXT อีกด้วย

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดผลกระทบเชิงลบเล็กน้อยในระยะสั้นต่อประมาณการปี 2568-69 เนื่องจากแหล่งเงินทุนหลักมาจากการกู้ยืมธนาคาร

ดังนั้นคาด CPAXT จะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นปีละ 300-400 ล้านบาท ทำให้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ลง 1.7% เป็น 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 19% จากปีก่อน

นอกจากนี้เองยังมองว่าราคาหุ้นของ CPAXT ตอบรับเชิงลบมากเกินไป เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนใน The Happitat คิดเป็นเพียงราว 2% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท ดังนั้นจึงแนะนำหาจังหวะ "สะสม" สำหรับนักลงทุนระยะกลาง และระยะยาว