นักวิเคราะห์สั่ง “ขาย” BEC เหตุธุรกิจให้ผลตอบแทนต่ำ แถม P/E แพง หลังกําไรอ่อนแอตามอุตสาหกรรมสื่อ
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จํากัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า BEC ผ่านการปรับโครงสร้างหลายรอบในช่วงหลายปีที่ผ่าน ซึ่งในรอบนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและการลดพนักงานเพิ่มเติม บริษัทยังไม่ได้แจ้งถึงแผนการปรับโครงสร้างทั้งหมด แต่ได้กล่าวว่า มีการตั้งสํารองเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเลิกจ้างพนักงาน
แต่อย่างไรก็ตาม การปรับลดประมาณการกําไร 28%, 27% และ14% ในปี 2567- 2569 เกิดจากรายได้ที่ตํ่ากว่าคาดจากอุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์ที่ซบเซา จึงได้ปรับลดราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 3 บาท จากเดิมที่ 3.8 บาท และแนะนํา "ขาย" เนื่องจากแนวโน้มกําไรที่อ่อนแอจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรม สื่อโทรทัศน์
ขณะเดียวกันมองว่า BEC กลายเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนตํ่า โดย ROE ยังคงลดลงจาก 14.6% ในปี 2564 มาอยู่ที่ 4.3% ในปี2566 เนื่องจากกําไรลดลง 33% และ 53% ในปี 2565-2566 ตามประมาณการกําไร ROE ของ BEC คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับตํ่าที่ 3.5%,3.0% และ 2.9% ในปี 2567-2569 เทียบกับ 4.3% ในปี 2566 เนื่องจาก ROE ที่ตํ่านี้ จึงมองว่าการซื้อขายระดับ PE ที่ 40 เท่า และ P/BV ที่ 1.2 เท่า นั้นแพงไป