“อินไซเดอร์หุ้น” หรือการนำข้อมูลภายในมาใช้หาประโยชน์ในการซื้อขาย ยังคงถูกพูดถึงมาอย่างต่อเนื่อง หากเข้าไปสำรวจข้อมูลนับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (17 ธ.ค.67) พบว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีมาตรการลงโทษประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
เริ่มกันที่ ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรายนายจำเริญ โพธิยอด กรณีซื้อหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวม 2,622,557 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 12 เดือน
ขณะนั้นเป็นกรรมการของ BCP ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับการที่ BCP จะเข้าซื้อหุ้น ESSO และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ESSO จากการทำหน้าที่กรรมการในการประชุมคณะกรรมการบริษัทของ BCP ในวันที่ 16 ธันวาคม 2565
ภายหลังการล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าว นายจำเริญได้ซื้อหุ้น BCP ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 จำนวน 300,000 หุ้น ก่อนที่ BCP จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการที่ BCP จะเข้าซื้อหุ้น ESSO และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ESSO ต่อตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 เวลา 8.40 น. ทำให้นายจำเริญได้รับผลประโยชน์จากมูลค่าหุ้น BCP ที่มีราคาเพิ่มขึ้นภายหลังจากที่ BCP ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์
รวมด้วยประเด็น ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบุคคล 2 ราย ได้แก่ นายวรวุฒิ อุ่นใจ และ นางสาวพชรพัชร์ ทองแว่น กรณีร่วมกันซื้อหุ้นบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) (COL) ซึ่งอาศัยข้อมูลภายในที่ตนรู้หรือครอบครอง โดยเรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 4,237,746 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
นายวรวุฒิ ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 2 ของ COL ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในกรณีบริษัทย่อยของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ COL ที่ราคาสูงกว่าราคาตลาดที่ซื้อขายกันอยู่ในขณะนั้น ซึ่งมีผลด้านบวกต่อราคาหุ้น COL โดยหลังจากที่นายวรวุฒิได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าวแล้ว นายวรวุฒิได้ร่วมกับนางสาวพชรพัชร์ ซื้อหุ้น COL ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวพชรพัชร์ ก่อนที่ COL จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 14 กันยายน 2563
โดยให้นายวรวุฒิ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,118,873 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน
และให้นางสาวพชรพัชร์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,118,873 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน
ส่วนอีกประเด็น ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ (1) นางเพ็ญประภา ศิริสรรพ์ (2) นางสาวสาธิดา ศิริสรรพ์ และ (3) นายสุรพล อ้นสุวรรณ กรณีขายหุ้นบริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SQ) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน และกรณีช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการขายหุ้น SQ แก่บุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวม 3,954,801 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารกับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย
ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์ฯพบบุคคลที่กระทำการเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการขายหุ้น SQ โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลขาดทุนจากการดำเนินงานของ SQ ในไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งขาดทุนสุทธิเป็นจำนวน 266.30 ล้านบาท โดยเป็นการขาดทุนมากที่สุดตั้งแต่ SQ ได้นำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2559 เนื่องจากรายได้จากการให้บริการลดลง และต้นทุนการให้บริการสูงขึ้น
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของ ก.ล.ต. พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 8 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นางเพ็ญประภา ซึ่งเป็นภรรยาของผู้บริหารและกรรมการของ SQ และในขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาองค์กรและบุคลากรที่ SQ จึงเข้าข่ายเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ขายหุ้น SQ ของตนรวมจำนวน 3,853,600 หุ้น ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวสาธิดาซึ่งเป็นบุตรสาว
โดยนางสาวสาธิดาได้ให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกโดยยินยอมให้นางเพ็ญประภาใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ขายหุ้น SQ รวมทั้งพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 7 – 8 พฤศจิกายน 2562 นายสุรพล ซึ่งเป็นเลขานุการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายงบประมาณจัดหาเงินทุนของ SQ จึงเข้าข่ายเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ขายหุ้น SQ รวมจำนวน 39,000 หุ้น ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน
ดังนั้น การกระทำดังกล่าวเป็นผลให้นางเพ็ญประภาและนายสุรพลสามารถหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากราคาหุ้น SQ ที่ลดลงภายหลังที่ SQ เปิดเผยข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2562 ที่มีผลขาดทุนสุทธิต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 เวลา 8.10 น.
ให้นางเพ็ญประภา ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,423,419 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน
ให้นางสาวสาธิดา ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 760,714 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 8 เดือน
และให้นายสุรพล ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 770,668 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน
และอีกประเด็น ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 4 ราย ได้แก่ (1) นางสาวภาสิตา ลี้สกุล (2) นางสาวเรวดี อาจหาญ (3) นางสาวอุ่นเรือน สุจริตธรรม และ (4) นางอาริยา สุจริตธรรม กรณีขายหุ้นบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (TRC) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในหรือเปิดเผยข้อมูลภายใน โดยให้ผู้กระทำผิดชำระเงินรวม 4,636,307 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารกับผู้กระทำความผิดทั้ง 4 ราย
กรณีปรากฏข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ของ TRC ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2,040.57 ล้านบาท เนื่องจากการบันทึกรายการตั้งสำรองด้อยค่าเงินลงทุน และรายการอื่นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแห่งหนึ่งที่ TRC เข้าลงทุนผ่านบริษัทย่อย
โดยในช่วงระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2561 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 นางสาวภาสิตา นางสาวเรวดี และนางอาริยา ได้ขายหุ้น TRC ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองในลักษณะที่ผิดไปจากปกติวิสัยของตน เป็นผลให้สามารถหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากราคาหุ้น TRC ที่ลดลงภายหลังที่ TRC เปิดเผยข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ที่มีผลขาดทุนสุทธิดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 8.49 น.
(1) ให้นางสาวภาสิตา ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,777,611 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน
(2) ให้นางสาวเรวดี ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 663,307 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน
(3) ให้นางสาวอุ่นเรือน ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้นรายละ 563,307 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน
(4) ให้นางอาริยา ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 632,082 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน