Mr.Data
ราคาหุ้นผู้นำสินเชื่อทะเบียนรถของเมืองไทย ไล่เรียงตั้งแต่ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) และ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ร่วงแรงในช่วงปลายสัปดาห์ผลพวงบอนด์ยิลด์สหรัฐปรับตัวเพิ่มหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 2 ครั้งในปี 2568
ขณะที่มุมมองของบล.กรุงศรี แนะนำกลุ่มหุ้นที่ต้องระมัดระวังการลงทุนในระยะสั้นได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ และโรงไฟฟ้า เนื่องจากบอนด์ยิลด์ปรับขึ้น และเงินบาทอ่อนค่า
โดยสัปดาห์นี้ Mr.Data ชวนมาอัปเดตมุมมองแนวโน้มผลประกอบการไตร 4/67 หุ้นผู้นำสินเชื่อทะเบียนรถของเมืองไทย ไล่ตั้งแต่ MTC SAWAD) และ TIDLOR แต่ละบริษัทมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน???
เริ่มจาก MTC บล.กสิกรไทย ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” หลังรายงานกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1.49 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และ 16% จากปีก่อน สอดคล้องกับที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้
MTC คาดการจัดเก็บหนี้ ไตรมาส 4/67 จะยังเติบโตแข็งแกร่ง หนุนโดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และทักษะการทำงานของพนักงานในการติดต่อกับลูกค้าที่ดีขึ้น ทั้งนี้ MTC มุ่งลดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยแหล่งเงินทุนจะมีอยู่อย่างหลากหลาย
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรไตรมาส 4/67 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 26% จากการเติบโตของสินเชื่อ ต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง และ credit cost ที่ลดลง"
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย ที่ 55.50 บาท แม้ว่า MTC จะซื้อขายด้วย PBV ปี 26 ที่ 2.3 เท่า ซึ่งสูงกว่า TIDLOR และ SAWAD ที่ 1.4 เท่า และ 1.5 เท่า แต่สมเหตุสมผล เนื่องจาก ROE สูงกว่าที่ 18% เมื่อเทียบกับ TIDLOR และ SAWAD ที่ 14% และ 15%
ส่วน SAWAD บล.กสิกรไทย มองว่า กำไรแตะจุดต่ำสุดแล้ว แต่ ROE มีแนวโน้มลดลง โดยรายงานกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1.30 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 6% จากปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับที่เราและตลาดคาดการณ์ กำไร 9 เดือนปี 67 คิดเป็น 73% ของประมาณการทั้งปีของเรา
โดยผู้บริหารคงเป้า credit cost ไว้ที่ 180bps ในปี 25 หากสภาพคล่องในตลาดพันธบัตรดีขึ้น SAWAD คาดว่าจะสามารถกระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อปี 68 ให้เป็น 10-15% คาด ROE ปี 68-69 ลดลงเป็น 15.7%/15.57% จาก 16.81% ในปี 67
"เราปรับประมาณการกำไรปี 24-26 ลง 1.4%/7.6%/5.5% เพื่อสะท้อน NIM ที่อ่อนแอลงและแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อปี 67-69"
แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย ที่ 40.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรปี 67-69 ของเรา และลดเป้า PBV ลงเป็น 1.51 เท่า จาก 1.65 เท่า โดยถือว่า ROE ระยะยาวลดลงเป็น 16% จาก 17%
ปิดท้ายกับ TIDLOR บล.กสิกรไทย มองว่า กลับมาเติบโตพร้อมความเสี่ยงลดลง โดยรายงานกำไรไตรมาส 3/2567 ที่ 991 ลบ. ลดลง 9% QoQ และ 2% YoY สอดคล้องกับประมาณการของเรา แต่ต่ำกว่าของตลาด 6%
"เราคาดว่า TIDLOR จะเข้าสู่ช่วงคุณภาพสินทรัพย์ที่ทยอยปรับดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป โดยมีการก่อตัว NPL ใหม่และ credit cost ที่ลดลง"
TIDLOR มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องต่ำกว่าคู่แข่ง เราคาดว่าการเติบโตของกำไรจะเร่งตัวขึ้นในปี 68 และ ROE จะกลับเป็นขาขึ้นในปี 68 เช่นกัน
แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 23.00 บาท มูลค่าหุ้นดูน่าสนใจจาก PER ที่ต่ำที่ 10 เท่า เทียบกับการเติบโตของกำไรประมาณ 14-16% ในปี 68-69