อีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตาอย่างบริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต
ล่าสุดได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating 2024 ในระดับ AAA ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการประเมินดังกล่าว สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ยึดมั่นในหลักความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างสมดุลที่ครอบคลุมทุกมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ตลอดจนรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ
ขณะที่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานมีสัญญาณการเติบโตอย่างโดดเด่น หากอิงความเห็นบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5 บาท โดยมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ TEGH ในปี 2568 คาดธุรกิจยางจะเร่งตัวขึ้นต่อทั้งการขายยาง Non-EUDR และสัดส่วนปริมาณขายยาง EUDR ที่สูงขึ้น หนุน Product Mixและ GPM ของบริษัทให้ปรับขึ้นต่อ
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายยางปี 2568 ที่ 2.6 – 2.8 แสนตัน เติบโต 20% จากปีก่อนหน้า และจะรับรู้กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นได้เต็มปีเป็นปีแรก ขณะที่ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบตั้งเป้า Turnaround
อีกทั้งประเมินแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/67 คาดอยู่ในกรอบ 230 – 260 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำระดับสูงสุดของปี และทำให้ประมาณการกำไรปกติทั้งปีที่ 523 ล้านบาท (เติบโต 131.8% จากปีก่อน) มี Upside risk ราว 25% และมีโอกาสสูงที่ต้องปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ขึ้น
โดยธุรกิจยางธรรมชาติ แนวโน้มปริมาณขายไตรมาส 4/67 คาดจะเร่งตัวขึ้นเป็นราว 66,000 ตัน (จากไตรมาส 3/67 ที่ 59,500 ตัน) สะท้อน Demand ที่ยังแข็งแกร่ง และรับรู้กำลังการผลิตของเตาหลอมใหม่ (เพิ่ม 25% หรือราว 70,000 ตัน/ปี) เต็มไตรมาส รวมถึงปริมาณขายยาง EUDR คาดจะสูงขึ้นต่อจากไตรมาสก่อน เป็นราว 40% ของปริมาณขายรวมทั้งหมด หรือราว 25,000 ตัน หนุน Product Mix
ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยคาดมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อตามยางตลาด SICOM หนุน Spread ยาง และ GPM ธุรกิจยางให้ดีขึ้นต่อ ดังนั้นประเมินว่ากำไรธุรกิจยางจะเติบโตขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งจากรายได้ที่เติบโต และ GPM ที่ดีขึ้น
ส่วนการเลื่อนบังคับใช้ EUDR บริษัทมองว่าจะกระทบคำสั่งซื้อบางส่วนให้ชะลอไปในช่วงครึ่งปีแรกของปี 68อย่างไรก็ตามบริษัท ยังเห็นสัญญาณบวกจากคำสั่งซื้อจากบริษัทล้อยางชั้นนำของโลกที่ยังเข้ามาต่อเนื่อง และบริษัทตั้งเป้าปริมาณขายยาง EUDR ในช่วงครึ่งปีแรก 68 ที่ 40% ของปริมาณขายยางแท่งทั้งหมด หรือเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 4/67 ไม่ได้ลดลง และคาดปริมาณขาย EUDR จะเร่งตัวขึ้นเป็น 70% ของปริมาณขายยางแท่งทั้งหมดในครึ่งหลังของปี68 ดังนั้นจึงคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม GPM ของบริษัท
ส่วนธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) แนวโน้มสถานการณ์ผลผลิตปาล์มยังออกสู่ตลาดน้อย แต่จะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังผ่านฤดูฝน หนุนปริมาณปาล์มเข้าสู่กระบวนการสกัด หนุนประสิทธิภาพกากผลิต
นอกจากนี้บริษัทจะรับรู้การติดตั้ง Broiler ในกระบวนการผลิตหนุนประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของบริษัทได้เต็มไตรมาส หนุน GPM ธุรกิจปาล์มให้สูงขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้น และคาดปริมาณผลผลิตปาล์มจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในไตรมาส 1/68 เป็นต้นไปจากการเข้าสู่ช่วงเก็บผลผลิต
ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจะเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่าย Bio gas ให้กับ GGC เป็นไตรมาสแรก คาดจะหนุนรายได้ราว 30 ล้านบาท
ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดว่ากำไรของ TEGH ปี 2568 จะอยู่ที่ 633 ล้านบาท เติบโต 24% เนื่องจากปริมาณการขาย NR และราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เพิ่มขึ้น หนุนโดยความต้องการยางธรรมชาติทั่วโลกที่แข็งแกร่ง
โดยคาดว่าราคายาง SICOM TSR20 โดยเฉลี่ย ในปี 2568 จะสูงกว่าในปี 2567 ที่ 1.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ/กก. เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนธรรมชาติ ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4 บาท