Wealth Sharing
KCC ปักธงปี 66 ลุยซื้อหนี้พันล้าน ขอผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้ 2 พันลบ. หนุนกำไรเติบโต
08 มีนาคม 2566
KCC เปิดแผนธุรกิจปี 2566 เล็งขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท นำเงินลงทุนซื้อหนี้ NPLsเพิ่มเฉียด 1,000 ล้านบาท หนุนรายได้-กำไร โตต่อเนื่อง
นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยในงาน Opportunity Day ถึงแผนการทำธุรกิจปี 2566 ว่า บริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีเป้าหมายจะเข้าลงทุนซื้อหนี้ NPLs เพิ่มอีกประมาณ 900 ล้านบาท และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีพอร์ตหนี้ NPLs รวมจะขยับขึ้นไปทะลุ 1,800 ล้านบาท จากสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 1,332.62 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 135.62% จากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 565.57 ล้านบาท
“จากการประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรม AMC ในปีนี้ คาดว่าปริมาณหนี้ NPLs ที่จะเข้าสู่ระบบจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ต่อมาตรการช่วยเหลือที่หมดอายุลงแล้วเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2565 และบริษัทซึ่งมีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ด้านหนี้คอร์ปอเรท ซึ่งถือว่าเป็นหนี้ที่มีสัดส่วนมากที่สุดของหนี้ NPLs ในระบบ ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของบริษัท” นายทวี กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านเงินทุนรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ในการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นวันที่ 20 เมษายน 2566 บริษัทจะขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ขอออกและจำหน่ายหุ้นกู้วงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้ขยายธุรกิจ เป็นทุนหมุนเวียนและชำระหนี้คืน ซึ่งระยะเวลาในการออกจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพตลาดในขณะนั้น
นายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่เข้าระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) เมื่อพฤษภาคม 2565 และการออกหุ้นกู้ได้เงินรวมกันกว่า 926 ล้านบาท ได้นำมาลงทุนซื้อหนี้ต่อเนื่องปี 2565 ลงทุนซื้อหนี้ NPLs ทั้งสิ้น 930 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้และกำไรเติบโต โดยปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 77.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.35% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 52.42 ล้านบาท และบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานในปี 2565 จำนวน 170.49 ล้านบา
ทั้งนี้รายได้ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่มาจาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs) ที่มีรายได้ 164.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.33% ของรายได้ทั้งหมด และ2.ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPAs) ที่มีรายได้ 5.95 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.49%
นายทวี กล่าวว่า บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจโดยเฉพาะความสามารถ ในการทำกำไร ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ในระดับที่สูงกว่า 80% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 37.79% ซึ่งผลดำเนินงานที่เติบโตขึ้น รวมกับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai หนุนให้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีส่วนของเจ้าของเท่ากับ 1,095.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 634.41 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 137.73 %
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอีกหุ้นละ 0.0212 บาท เท่ากับทั้งปีบริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทั้งสิ้นหุ้นละ 0.0591 บาท หลังจาก เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ได้อนุมัติจ่ายไปแล้วหุ้นละ 0.0379 บาท คิดเป็นเงิน 23.50 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 27 เมษายน 2566 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 26 เมษายน 2566
นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยในงาน Opportunity Day ถึงแผนการทำธุรกิจปี 2566 ว่า บริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีเป้าหมายจะเข้าลงทุนซื้อหนี้ NPLs เพิ่มอีกประมาณ 900 ล้านบาท และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีพอร์ตหนี้ NPLs รวมจะขยับขึ้นไปทะลุ 1,800 ล้านบาท จากสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 1,332.62 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 135.62% จากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 565.57 ล้านบาท
“จากการประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรม AMC ในปีนี้ คาดว่าปริมาณหนี้ NPLs ที่จะเข้าสู่ระบบจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ต่อมาตรการช่วยเหลือที่หมดอายุลงแล้วเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2565 และบริษัทซึ่งมีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ด้านหนี้คอร์ปอเรท ซึ่งถือว่าเป็นหนี้ที่มีสัดส่วนมากที่สุดของหนี้ NPLs ในระบบ ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของบริษัท” นายทวี กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านเงินทุนรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ในการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นวันที่ 20 เมษายน 2566 บริษัทจะขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ขอออกและจำหน่ายหุ้นกู้วงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้ขยายธุรกิจ เป็นทุนหมุนเวียนและชำระหนี้คืน ซึ่งระยะเวลาในการออกจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพตลาดในขณะนั้น
นายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่เข้าระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) เมื่อพฤษภาคม 2565 และการออกหุ้นกู้ได้เงินรวมกันกว่า 926 ล้านบาท ได้นำมาลงทุนซื้อหนี้ต่อเนื่องปี 2565 ลงทุนซื้อหนี้ NPLs ทั้งสิ้น 930 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้และกำไรเติบโต โดยปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 77.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.35% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 52.42 ล้านบาท และบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานในปี 2565 จำนวน 170.49 ล้านบา
ทั้งนี้รายได้ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่มาจาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs) ที่มีรายได้ 164.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.33% ของรายได้ทั้งหมด และ2.ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPAs) ที่มีรายได้ 5.95 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.49%
นายทวี กล่าวว่า บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจโดยเฉพาะความสามารถ ในการทำกำไร ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ในระดับที่สูงกว่า 80% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 37.79% ซึ่งผลดำเนินงานที่เติบโตขึ้น รวมกับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai หนุนให้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีส่วนของเจ้าของเท่ากับ 1,095.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 634.41 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 137.73 %
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอีกหุ้นละ 0.0212 บาท เท่ากับทั้งปีบริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทั้งสิ้นหุ้นละ 0.0591 บาท หลังจาก เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ได้อนุมัติจ่ายไปแล้วหุ้นละ 0.0379 บาท คิดเป็นเงิน 23.50 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 27 เมษายน 2566 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 26 เมษายน 2566