ย้อนรอยพฤติกรรมทุจริตอดีตผู้บริหาร NUSA สร้างความเสียหายให้บริษัทกว่า 1.39 พันลบ. ทิ้งปมปัญหาให้ผู้บริหารชุดใหม่ต้องสะสาง
ในช่วงที่ผ่านมาผู้บริหารชุดเก่าของ บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ได้สร้างความเจ็บช้ำให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นมาอย่างต่อเนื่องด้วยการทำการทุจริต จนถึงขั้น ก.ล.ต. ต้องกล่าวโทษต่อ DSI ในหลายเรื่องที่กระทำ
ยกตัวอย่างเช่นในกรณีร่วมกันทุจริตลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาที่ไม่สมเหตุผล และร่วมกันทุจริตขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมถึงการโอนเงินจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด
โดยรายละเอียดของพฤติกรรมทุจริตที่ประเทศเยอรมนีนั้นก็คือ ก.ล.ต. ตรวจสอบพบว่า เงินมัดจำค่าซื้อโรงแรมที่ NUSA จะต้องชำระให้แก่ผู้ขายโรงแรมนั้น ไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชีของผู้ขาย แต่กลับเข้าบัญชีกลุ่มอดีตกรรมการและผู้บริหาร
และอีกพฤติกรรมสุดแสบของเหล่าอดีตผู้บริหารของ NUSA ก็คือการนำส่งรายงานของที่ปรึกษาการเงินอิสระ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานและข้อมูลที่เป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. เพื่อลวงไม่ให้ก.ล.ต.รู้ข้อมูลที่เท็จจริง
อีกทั้งอดีตผู้บริหารยังได้ตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้สอบบัญชีของบริษัทให้เชื่อว่า NUSA ได้รับชำระหนี้ค่าห้องชุดครบถ้วนจากบริษัทผู้ซื้อแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้สอบบัญชีมีข้อสงสัยในการบันทึกบัญชีของธุรกรรมนี้
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ผู้บริหารชุดใหม่ NUSA ต้องแก้ไขงบการเงิน เพื่อให้งบการเงินแสดงข้อมูลที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้น ซึ่งผู้บริหารชุดใหม่ได้แก้ไขตามที่ก.ล.ต.ให้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการชุดใหม่ไม่นิ่งนอนใจ ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ทุกรายที่ร่วมกันกระทำทุจริตลงมติซื้อโรงแรมที่เยอรมนีทั้งทางแพ่งและอาญาแล้ว
ทั้งนี้เพื่อเป็นเรียกร้องให้มีการรับผิดชดใช้ค่าเสียหายคืนให้แก่บริษัท รวมถึงได้ประสานงานกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้การดำเนินคดี เป็นไปอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้เองยังมีมูลค่าความเสียหายอื่นๆอีกหลายรายการที่อดีตผู้บริหารชุดเก่าของ NUSA ได้สร้างวีกรรมเอาไว้ เช่น การติดตามเงินมัดจำ จำนวน 50 ล้านบาท จากบริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (MME)
ซึ่งอดีตประธานกรรมการบริษัทได้ลงนามยินยอมขยายการชำระคืนหนี้จาก MME โดย NUSA ได้ยื่นฟ้องอดีตคณะกรรมการบริหาร เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ และไม่รักษาผลประโยชน์ให้บริษัท
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อดีตผู้บริหารชุดเก่ายังสร้างเรื่องที่ทำให้ผู้บริหารชุดใหม่ต้องตามเช็ดตามล้างอีกก็คือ ข้อพิพาทรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด ("Legend")
เรื่องก็คือตามที่ บริษัทไซน่า นิวเคลียร์ อินดัสทรี 22 คอนสตรัคชั่น จำกัด และบริษัท ชีเอ็นไอ 22 (ไทย) คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้บังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศกับ NUSA ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ค่าก่อสร้างของ Legend
โดยศาลได้พิพากษาให้บังคับตามชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยให้ NUSA ชำระหนี้ค่าก่อสร้าง และดอกเบี้ย แก่ผู้ร้องทั้งสอง ทั้งนี้ผู้บริหารชุดใหม่ของ NUSA ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าวและอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ในประเด็นข้อกฎหมายต่อศาล
ทั้งนี้รวมๆแล้วมูลค่าความเสียหายที่อดีตกรรมการและผู้บริหารสร้างความเสียหายทิ้งไว้ให้กลุ่มผู้บริหารชุดใหม่ต้องตามเช็ดล้างสะสางให้กว่า 1,392.9 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นได้รับรู้ในงบการเงินไปทั้งหมดแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามมูลค่าความเสียหายดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ตรวจสอบได้เบื้องต้น แต่เชื่อได้ว่ายังมีมูลค่าความเสียหายอีกหลายประการที่อดีตผู้บริหารชุดเก่าทำไว้และยังไม่สามารถตรวจสอบความเสียหายได้
ขณะเดียวกันคณะกรรมการชุดใหม่ของ NUSA ได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นด้วยการระบุว่า คณะผู้บริหารชุดใหม่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการทางการเงิน
รวมถึงยังได้มีการติดตามและตรวจสอบการทำธุรกรรมใด ๆ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยเน้นบริหารงานอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้
พร้อมทั้งยังยืนยันด้วยว่า ฐานการเงินยังของ NUSA แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องเพียงพอ อีกทั้งเตรียมแผนธุรกิจที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เพื่อรุกสร้างยอดขาย สร้างรายได้ สร้างความเชื่อมั่นและเดินหน้าสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในอนาคต รวมถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน