ทีมข่าว Share2Trade ได้เข้าไปสำรวจความเคลื่อนราคาหุ้นกลุ่มธนาคารนับจากต้นปีถึงปัจจุบัน อ้างอิงข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 23 ธ.ค.2567 พบว่าราคาหุ้นกลุ่มนี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเพียง 4 บริษัทเท่านั้น นำโดย KBANK ที่บวกกว่า 14.44% ตามด้วย KTB, SCB และ TTB
ขณะที่ในฝั่งราคาหุ้นร่วงแรงสุด คือ CIMBT ลดลงกว่า 29% ตามด้วย BBL, BAY และ LHFG ดังนั้นทีมข่าวจะพานักลงทุนมาสำรวจหุ้นกลุ่มนี้ว่าจะมีความน่าสนใจหรือไม่?
ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ของกลุ่มธนาคาร คาดยังเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะไม่มีลูกหนี้บริษัทขนาดใหญ่เกิดปัญหาเหมือนกับไตรมาส 4/66 ทำให้การตั้งสำรองผ่อนคลายลง
แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน กดดันจาก 1.รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ลดลง สอดรับกับการขยายสินเชื่อที่ทำได้อย่างจำกัด บวกกับ NIM ที่จะเริ่ม ปรับตัวลงรับผลของการปรับลดอกเบี้ยเงินกู้ตามดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่เดือน พ.ย. อีกทั้งธนาคารมีนโยบาย เน้นเพิ่มสินเชื่อในกลุ่มบริษัทใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนไม่สูง ทำให้ค่าเฉลี่ยของ Asset Yield ชะลอตัวลง
และ 2.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้ Cost to Income Ratio สูงขึ้นจากไตรมาสก่อน เพราะเป็นช่วงที่ธนาคารเร่งใช้งบเพื่อปรับปรุงระบบต่างๆ เพื่อเตรียมขยายการให้บริการในปีถัดไป
แต่ปัจจัยลบต่างๆ คาดบางส่วนจะถูกชดเชยด้วยการตั้งสำรองที่ชะลอลงต่อเนื่อง หลังหลายธนาคารเร่งตั้งสำรองไปมาก และการชำระเงินของลูกหนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมที่จะปรับตัวขึ้นเพราะเป็น ช่วง High Season ของทั้งธุรกิจ Wealth Management และธุรกิจนายหน้าประกัน จึงคงคาดกำไรสุทธิปี 2567 ของกลุ่มธนาคารที่ 211,881 ล้านบาท เติบโต 8.4% จากปีก่อน
ดังนั้นคงน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร “เท่ากับตลาด” เนื่องจากการเติบโตของกำไรเริ่มจำกัด จากรายได้ดอกเบี้ยรับที่ถูกกดดัน แต่บางส่วนยังถูกชดเชยได้ด้วยการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง และมองว่ายังเป็นกลุ่มที่ ให้ Div. Yield สูง
สำหรับ Top Pick กลุ่ม เลือก KBANK (เป้าหมาย 175 บาท) เป็น Top Pick กลุ่ม เพราะคาดคุณภาพ สินทรัพย์แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การตั้งสำรองทยอยปรับลงในปี 2568 ส่วนหุ้นปันผลเด่น ชอบ SCB (ราคาเป้าหมาย 130 บาท) มีจุดเด่นที่เงินปันผลสูง คาดปันผลครึ่งหลังปี 67 หุ้นละ 7.2 บาท คิดเป็น Div. Yield 6.2%