ตามที่นักลงทุนหลายคนจะทราบดีว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีในตลาดทุน มักจะปรากฏการณ์ที่เข้ามาช่วยพยุงหรือสนับสนุนให้ตลาดและหุ้นปรับตัวขึ้นได้ดี ซึ่งหนึ่งในปรากฏการณ์นั้นก็คือ Santa rally ที่จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนเข้ามายังตลาดหุ้นด้วยหลากหลายปัจจัย
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้มุมมองว่า SANTA RALLY มีโอกาสหนุนหุ้นไทยในช่วงท้ายของปี อีกทั้งข้อมูลสถิติ 5 ปี ย้อนหลังกับ SANTA RALLY (24 ธ.ค. – สิ้นปี) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นทุกปี เฉลี่ยราว 1.53% ในสัปดาห์นี้จึงอาจเห็นการรีบาวน์ขึ้นของ SET ได้โดยวางกรอบแนวต้านรายสัปดาห์ไว้ที่ 1,400-1,420 จุด
อีกทั้งวานนี้เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 2.3 พันล้านบาท โดย 10 หุ้นที่ต่างชาติซื้อมากสุด คือ BCP BDMS BGRIM KCE BH GULF KTB SAWAD SCGP IVL ซึ่งมักสร้างผลตอบแทนเป็นบวกเสมอโดยกลยุทธ์การลงทุนในช่วงสั้น จึงแนะนำหุ้นที่พื้นฐานลงลึกที่ต่างชาติให้ความสนใจ
ทั้งนี้ จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลหุ้นทั้ง 10 ตัว ที่ต่างชาติซื้อเก็บและราคาหุ้นยังปรับตัวลงลึกจากต้นปีถึงปัจจุบัน(ณ วันที่ 23 ธ.ค.67) พบว่ามีหุ้นทั้งหมด 8 ตัว แต่รายละเอียดจะเป็นเช่นไรนั้น สามารถรับชมข้อมูลได้ตามด้านล่างนี้พร้อมกับปัจจัยพื้นฐานรายตัว
โดย BCP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส4/67 จะฟื้นตัวและปี2568 เติบโตจากโครงการ SAF ทางพื้นฐานแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท ซึ่งหุ้นมีความเสี่ยงจากถูกปรับออกจากดัชนี SET 50 รอบเดือนม.ค. -มิ.ย. 2568 จึงอาจรอจังหวะเข้าลงทุนหลังผ่านการ Rebalance ดัชนีดังกล่าว
BDMS นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” BDMS ราคาเป้าหมาย 31 บาท โดยราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มรายได้ผู้ป่วยคนไทยที่อ่อนแอและนโยบายร่วมจ่าย แต่มูลค่าหุ้นยังน่าสนใจและให้อัตราเงินปันผลมากกว่า 3% จึงมองวเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อ
BGRIM นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท มีอัพไซด์ 56.1% จากแนวโน้มต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงต่อเนื่องและการเข้าสู่รอบการเติบโตรอบใหม่จากการเข้าลงทุนในเกาหลีใต้ จึงแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว
KCE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 32 บาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าในปี 68 จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับตลาด PCB จากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกมีการแข่งขันที่รุนแรง KCE จึงยังเน้นการลดต้นทุนและการปรับปรุงกระบวนการเพื่อกระตุ้นอัตรากำไรขั้นต้น
BH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 243 บาท ซึ่งราคาหุ้นที่ลดลง หลังประกาศผลการดําเนินงานไตรมาส 3/67 ได้สะท้อนข่าวร้ายแล้ว และยังมีความสามารถในการทํากําไรสูงสุดในบรรดาหุ้นโรงพยาบาล โดยมี ROE ที่ 28.2% ในปี 2568 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 18.2%
SAWAD นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 48 บาท โดยบริษัทได้ผ่านสถานการณ์จุดเลวร้ายสุดแล้ว จาการกลับมารุกปล่อยสินเชื่อหลังตลาดหุ้นกู้เริ่มคลี่คลาย จะทำให้กำไรปีหน้าจะโตดีขึ้นจากปีนี้ ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่เริ่มปรับลงมา น่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนทางการเงินในอนาคต
SCGP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวลงได้สะท้อนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ที่อ่อนแอและเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นช้ากว่าคาดไปมากแล้ว ซึ่งแนวโน้มกำไรในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จะกลับเข้าสู่รอบของการฟื้นตัว ทำให้ราคาหุ้นเริ่มมีดาวน์ไซด์จำกัด จึงเหมาะลงทุนระยะยาว
IVL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 23.60 บาท เนื่องจากมีอัพไซด์จากการเจรจาปรับราคาขาย PET/PTA สัญญารายปีใหม่ จากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานในร็อตเตอร์ดัม แคนาดา และออสเตรเลีย และจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลต่อประมาณการกำไรปี 2568-2569