กระดานข่าว

JSP ชี้ปี 68 เทรนด์ Lifestyle Medicine มาแรง หนุนตลาดอาหารเสริมไทยโต 15 %


25 ธันวาคม 2567
1263863.jpg

JSP ชี้ปี 68 เทรนด์ Lifestyle Medicine หนุนตลาดอาหารเสริมไทยโต 15 % วันทำงานอายุ 40 เริ่มใส่ใจสุขภาพเทียบเท่ากลุ่มผู้สูงวัย

นายพิษณุ แดงประเสริฐ  ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด  บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JSP) ผู้ให้บริการด้านสุขภาพอย่างครบวงจร ผู้นำการรับจ้างผลิต (OEM) ยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคนและสัตว์ และผลิตภัณฑ์ Own Brand เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งรวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน และเครื่องดื่ม ในประเทศไทย มีมูลค่าการตลาดมากกว่า 1 แสนล้านบาท 

โดยการเติบโตของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด -19 อย่างไรก็ตามหลังจากที่การระบาดคลี่คลายลงแล้วแต่แนวโน้มการเติบโตของสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะหลังจากเกิดการตื่นตัวด้านการดูและสุขภาพในช่วงที่มีการระบาด ทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนไป เนื่องจากตระหนักถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพว่าสุขภาพของหลายๆคนเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงเกิดเป็นพฤติกรรมที่ขยายไปสู่วงกว้างในสังคม

อย่างไรก็ดีแม้ว่าเทรนด์การใส่ใจสุขภาพและการปรับพฤติกรรมจะสร้างการรับรู้ให้คนทั่วโลกมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในปี 2568 เทรนด์การใส่ใจสุขภาพจะยังคงเติบได้รับความสนใจต่อเนื่อง โดยเฉพาะการได้รับการสนับสนุนจาก 3 ปัจจัยดังนี้

1. Lifestyle Medicine (วิถีชีวิตบำบัด หรือ เวชศาสตร์วิถีชีวิต) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันโดยการร่วมมือระหว่างแพทย์และคนไข้ ตั้งแต่การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การนอนหลับ การเลิกสูบบุหรี่ การเข้าสังคม เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน หรือกระทั่งรักษาโรคซึ่งเป็นการบำบัดที่สาเหตุ ถือเป็นการบำบัดแบบใหม่ที่สามารถป้องกัน ลดความเสี่ยง และลดการใช้ยาลงได้ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน โดย Lifestyle Medicine กำลังเป็นเทรนด์ที่ผู้คนให้ความสนใจ และส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวัตถุดิบจากสารสะกัดจากธรรมชาติได้รับความสนใจไปพร้อมๆกัน
2. ราคายาแผนปัจจุบันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10% ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น 10 – 20% ส่งผลให้ การหันมาปรับพฤติกรรมการกิน ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น น้ำมันงาดำ น้ำมันรำข้าว และซูเปอร์ฟู้ดที่ให้พลังงานสูง เช่น ไข่ผำ เป็นต้น ซึ่งการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันจะทำให้ลดการใช้ยาหรือใช้ยาเมื่อจำเป็นเท่านั้น
3. การเข้าถึงบริการทางด้านสาธารณะสุขที่ใช้เวลานานขึ้น ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาดูแลตัวเองแม้ว่าจะมีความกำลังซื้อในการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แต่ไม่ต้องการเสียเวลาในการรอคอยเพื่อเข้าถึงบริการ จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

จากปัจจัยสนับสนุนทั้ง 3 ด้านนี้ JSP คาดว่า ปี 2568 ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพจะเติบโตประมาณ 10 – 15% นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนวัยทำงาน อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ จากเดิมที่พบว่ายอดขายส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป จึงทำให้ตลาดขยายตัวไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น และคาดว่าภายใน 5 ปีสัดส่วนยอดขายในกลุ่มวัยทำงานจะเติบโตเทียบเท่ากลุ่มวัย 60 ปีขึ้นไป
JSP