TU-SNNP-TOA-PJW ไฟเขียว ลุยซื้อหุ้นคืนวงเงินสูงสุด 3 พันลบ. หลังตลาดหุ้นไทยหลุด 1,400 จุด
สำรวจ 4 บจ.ประกาศซื้อหุ้นคืนในเดือนธ.ค. “TU-SNNP-TOA-PJW” หลังโดนหางเลข SET Index หลุด 1,400 จุด กดดันราคาหุ้นหลายบริษัทต่ำกว่าบุ๊คแวลู
ดัชนีตลาดหุ้นไทยต่ำสุดในรอบ 3 เดือน แตะที่ระดับ 1,361.34 จุด ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงปัญหาการเมืองในประเทศ รวมไปถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2568
ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลดลง จนเกินปัจจัยพื้นฐาน และเป็นที่มาซึ่งทำให้บอร์ดมีมติซื้อหุ้นคืน เพื่อพยุงราคาหุ้น รักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น รวมถึงเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท
เริ่มจากบมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 8/2567 ในวันที่ 25 ธันวาคม 2567 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน วงเงินสูงสุดที่ใช้ในการซื้อหุ้นคืน ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน ไม่เกิน 200 ล้านหุ้น (คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 4.49 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด)
กำหนดวิธีการในการซื้อหุ้นคืน ด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืน ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568
“เหตุผลในการซื้อหุ้นคืน เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนหรือผู้ถือหุ้นของบริษัท ในศักยภาพการสร้างรายได้และกำไร ในอนาคตของบริษัท รวมถึงแสดงถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท”
ด้านนายฐากร ชัยสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ในวงเงินไม่เกิน 640 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ซึ่งจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นอัตรา 4.17% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเปิดโครงการครั้งนี้ เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของกลุ่มบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) รวมถึงซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นในอนาคตสามารถสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกลุ่มบริษัทฯ
รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรในอนาคต โดยบริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นคืนผ่านระบบซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2567 - 20 มิถุนายน 2568
บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน (Treasury Stocks) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1,300 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 2.96% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยจะเป็นการเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และมีกำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2567 ถึงวันที่ 10 มิ.ย. 2568
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.67 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นอัตรา 3.2% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของกลุ่มบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นในอนาคตสามารถสะท้อน มูลค่าที่แท้จริงของกลุ่มบริษัท รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในอนาคต โดยบริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นคืนผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.67 ถึง 13 มิ.ย.68
โดยวานนี้ (25 ธ.ค.) ความเคลื่อนไหวของกลุ่มราคาหุ้นดังกล่าวได้ โดย TU ปิดที่ 12.80 บาท SNNP ปิดที่ 11.90 บาท TOA ปิดที่ 14.70 บาท PJW ปิดที่ 2.30 บาท ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า TU มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บาท) 12.94 บาท/หุ้น SNNP อยู่ที่ 3.29 บาท TOA อยู่ที่ 6.68 บาท และ PJW อยู่ที่ 2.24 บาท