ในปี 2568 สถานการณ์ของตลาดทุนทั่วโลกยังคงต้องเผชิญกับปัจจัยความท้าทายที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นนโยบายของทรัมป์ นโยบายอัตราดอกเบี้ย ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อต่อเนื่อง จึงทำให้การจะลงทุนให้สินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งต้องใช้การพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ดังนั้น ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงได้ทำการหยิบยกมุมมองการลงทุนและการจัดพอร์ตกองทุนรวมที่น่าสนใจมาฝากให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนกันในวันนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองการลงทุนในกองทุนสำหรับปี 2568 แบ่งเป็นเงินลงทุน 70-80% ของพอร์ตรวม เป็นพอร์ตหลักที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนระยะยาว โดยมีการจัดน้ำหนักสินทรัพย์ตามความเสี่ยงที่รับได้ ซึ่งจะเน้นการลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายตัวดีเช่น กองทุนรวมหุ้นโลก และกองทุนรวมตราสารหนี้โลก
สำหรับกองทุนแนะนำ ประกอบไปด้วย กองทุนรวมในหุ้นโลก อย่าง กองทุนเปิดเค โกลบอล ซีเล็คท์ หุ้นทุน หรือ K-GSELECT ที่จะลงทุนในหุ้นโลกคุณภาพสูง กองทุนเปิดเคเคพี โกลบอล นิว เพอร์สเปกทีฟ เฮดจ์ หรือ KKP GNP-H ลงทุนหุ้นโลกเติบโต คุณภาพดี
และกองทุนตราสารหนี้ อย่างกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ หรือ UGIS-N ลงทุนตราสารหนี้โลก สมดุล ยืดหยุ่นสูง โดยผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ และกองทุนเปิดเคเคพี แอ็กทิฟ ฟิกซ์ อินคัม ชนิดทั่วไป หรือ KKP ACT FIXED ที่จะลงทุนตราสารหนี้ในประเทศคุณภาพสูง
ส่วนเงินลงทุน 20-30% ของพอร์ตรวม จะเป็นพอร์ตเสริมที่ถูกแบ่งออกมาเพื่อความคล่องตัว โดยเน้นการจับจังหวะตลาดเพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนระยะสั้นถึงกลาง โดยสามารถกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่กระจุกตัวและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
สำหรับกองทุนที่แนะนำ กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ยูเอส สมอล แคป โฟกัส หรือ ASP-USSMALL-A ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็ก, กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ A PRINCIPAL VNEQ-A ลงทุนในหุ้นเวียดนาม, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ออล ไชน่า อิควิตี้ (ชนิดสะสมมูลค่า) หรือ SCBCHEQA ลงทุนหุ้นจีน All Shares และ กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ หรือ B-BHARATA ที่จะลงทุนในหุ้นอินเดีย