เสี่ยอ้วน“ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล” ลุยเก็บหุ้น PTG กว่า 11.30 ล้านหุ้น พบ ปี 67 มีมูลค่าพอร์ตลงทุน 5.5 พันลบ.
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2567 ดัชนีให้ผลตอบแทน (ณ 23 ธ.ค.) ลดลง 2.04% ขณะที่มี 5 หมวดอุตสาหกรรมที่สามารถให้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นสวนทางดัชนีหุ้นไทยได้อย่างมาก ประกอบด้วย หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผลตอบแทนสูงถึง 64.80%รองลงมาเป็นหุ้นหมวดไอซีที ให้ผลตอบแทน 31.12% หุ้นหมวด มีเดีย ให้ผลตอบแทน 6.51% หุ้นหมวดเกษตรให้ผลตอบแทน 5.46% และหุ้นหมวดธนาคาร ให้ผลตอบแทน3.68% ขณะที่หมวดธุรกิจอื่นและหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ล้วนให้ผลตอบแทนที่ติดลบทั้งหมด
ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลการลงทุนของ “ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล” หรือเสี่ยอ้วน ปัจจุบันมีมูลค่าพอร์ตลงทุนหุ้นรวมอยู่ที่ 5,591,390,000 บาท โดยมีการลงทุนถือหุ้นใน 10 บริษัท ประกอบด้วย
CGH 20,900,000 หุ้น คิดเป็น 0.52% DCC 505,500,000หุ้น คิดเป็น 5.54% LALIN 5,500,000หุ้น คิดเป็น 0.59 %
LANNA 18,500,000 หุ้น คิดเป็น 3.52%PJW 20,000,000 หุ้น คิดเป็น 3.22%PTG 11,300,000หุ้น คิดเป็น 0.68%
RICHY 165,400,000หุ้น คิดเป็น 10.16% SMIT 14,100,000 หุ้น คิดเป็น2.66% STA 9,600,000หุ้น คิดเป็น 0.63%
VIBHA 2,038,000,000หุ้น คิดเป็น15.01%
จากข้อมูลดังกล่าวเมื่อนำมาพิจารณาคำนวณกับราคาหุ้นพบว่า แต่ละบริษัทมีมูลค่าการลงทุน ดังนี้
CGH มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 13,585,000 บาท DCC มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 849,240,000 บาท
LALIN มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 32,725,000 บาท LANNA มูลค่าการถือครองอยู่ที่296,000,000 บาท
PJW มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 46,400,000บาท PTG มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 91,530,000 บาท
RICHY มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 67,814,000 บาท SMIT มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 55,836,000 บาท
STA มูลค่าการถือครองอยู่ที่164,160,000 บาท VIBHA มูลค่าการถือครองอยู่ที่ 3,974,100,000 บาท
ขณะเดียวกันยังพบว่า "เสี่ยอ้วน"ได้เข้ามาถือหุ้น PTG จากเดิมที่ไม่เคยปรากฎรายชื่อการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มาก่อน โดยล่าสุดได้ถือครองหุ้น 11,300,000 หุ้น คิดเป็น 0.68%
ขณะที่บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เผยแพร่บทวิเคราะห์โดยระบุว่า แนะนำซื้อหุ้น PTG ราคาพื้นฐาน 10.20 บาท เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วง 4Q67 ตามปัจจัยการท่องเที่ยวช่วงปลายปีที่ กล่าวไปข้างต้น ซึ่งคาดจะช่วยหนุนยอดขายทั้งส่วนธุรกิจน้ำมัน รวมไปถึงธุรกิจ Non-oil โดยเฉพาะกาแฟ Punthai ที่คาดจะได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยวเช่นกัน
คาดไตรมาส 4/67 ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยปัจจัยหลักจากการเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งคาดจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมไปถึงช่วยหนุนยอดขายธุรกิจกาแฟ Punthai เช่นกัน นอกจากนี้ปี 68 คาดว่าจะมี Upside จากการนำธุรกิจก๊าซ LPG ของบริษัทหรือ ATLAS เข้าตลาด ช่วยปลดล็อกมูลค่าในอนาคต
ทางฝ่ายคาดแนวโน้มไตรมาส 4 ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ทั้งนี้คาดปัจจัยหลักจะมาจากการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ทำให้ทางฝ่ายคาดว่าจะช่วยหนุนให้ปริมาณขายปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้เนื่องจากการกลับมาเพาะปลูกของเกษตรกรคาดว่าจะช่วยหนุนปริมาณขายน้ำมันเช่นกัน โดยเฉพาะยอดขายน้ำมันดีเซล โดยหากอ้างอิงจากปีที่แล้วคาดยอดขายน้ำมันจะปรับตัวขึ้นได้ 10%q-q ด้านธุรกิจ LPGคาดว่าแนวโน้มจะดีขึ้นเช่นกันตามภาวะเศรษฐกิจ ด้านธุรกิจกาแฟ Punthai ทางฝ่ายมองว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนช่วงฤดูท่องเที่ยวที่กล่าวไปข้างต้น
รวมไปถึงการขยายสาขาจะเป็นตัวช่วยหนุนการเติบโตของรายได้อีกหนึ่งปัจจัย ซึ่ง ณ ไตรมาส 3/67 มีจำนวนสาขาแล้ว 1,126 สาขา และปี 67 นี้ บริษัทตั้งเป้าขยายสาขากาแฟ Punthai เป็น 1,282 สาขา จาก 882 สาขาในปี 66 นอกจากนี้ทางฝ่ายยังมองว่าธุรกิจก๊าซ LPG ภายใต้แบรนด์ ATLAS จะมี Upside ในปี 68 จากการนำธุรกิจนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดย ATLAS เป็นธุรกิจที่ เกี่ยวข้องกับก๊าซสำหรับครัวเรือน อุตสาหกรรม และการขนส่ง คาดว่าจะเข้าตลาดในช่วงไตรมาส 1/68 ซึ่งจะช่วยปลดล็อกมูลค่าธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการขยายกิจการของ ATLAS ในอนาคต