ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่าเศรษฐกิจไทยในปี “งูเล็ก” จะเผชิญกับความท้าทายมากกว่าปี “งูใหญ่” ที่ผ่านมาหรือไม่ หากย้อนกลับไปในปี 2533 ประเทศไทยเคยมีอัตราการเติบโตของ GDP สูงสุดในภูมิภาคอาเซียนที่ 11% โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 2533 ถึง 2538 อยู่ที่ 8.7% ขณะที่อาเซียนมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 5.6% อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเริ่มลดลงและต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2557 ถึง 2566) GDP ของไทยเติบโตเพียง 1.8% ขณะที่อาเซียนมีการเติบโตมากกว่า 3.7%
ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อรายเดือน ประเทศไทยยังคงสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เคยมีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 11% นับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเคยเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่สูงกว่า 80% ในปี 2541 และกว่า 28% ในปี 2553 ตามลำดับ ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 อาจเติบโตเพียง 0.4% แต่จะเริ่มเข้ากรอบเป้าหมายที่ 1.1% ในปี 2568
อัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำดังกล่าว บวกกับการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม 2567 ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต แม้จะมีการปรับลดไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ทั้งนี้ หนี้ครัวเรือนไทยปรับฤดูกาล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 ยังสูงถึง 89.8% ต่อ GDP โดยกว่า 28% เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ข้อมูลจากเครดิตบูโรยังระบุว่ายอดหนี้เสีย ณ เดือนกันยายน 2567 สูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การปรับอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อทิศทางของค่าเงินบาท หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะส่งผลดีต่อภาคการส่งออก เนื่องจากผู้ส่งออกจะได้รับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าในตลาดต่างประเทศ
ดร. นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร Clients & Markets ดีลอยท์ ประเทศไทย ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในฐานะตลาดส่งออกของไทย โดยข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ประเทศไทยได้ส่งออกไปยังสวิตเซอร์แลนด์มูลค่ากว่า 3,600 ล้านดอลลาร์สหัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ สวิตเซอร์แลนด์มีแนวโน้มที่จะเป็นคู่ค้าลำดับที่สองของไทยในยุโรป ขณะเดียวกันยังมีการเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้าและการ