Talk of The Town

5 หุ้นโรงไฟฟ้ารายใหญ่ กำไรปี 67 เติบโตยกแผง


31 ธันวาคม 2567

ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจคาดการณ์ผลประกอบการหุ้นโรงไฟฟ้า พบว่า 5 บริษัทรายใหญ่ในกลุ่มนี้ จะมีกำไรปี 2567 เติบโตทุกบริษัท ไม่ว่าจะเป็น GULF, GPSC, RATCH, EGCO และ BGRIM

5 หุ้นโรงไฟฟ้ารายใหญ่_S2T (เว็บ) copy.jpg

เริ่มกันที่ GULF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 4/67 ทรงตัวที่ระดับ 4,700 ล้านบาท แม้เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 ขนาด 662.5MW หลัง COD เมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เพราะถูกกดดันจากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้า Jackson ที่มีโอกาสลดลงตามปัจจัยฤดูกาล

อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติจะสามารถเติบโตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปีก่อนจากการรับรู้

รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการใหม่ที่ COD ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่มีแนวโน้มเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่อเนื่องตามการแข่งขันในตลาดมือถือและBroadband ที่ลดลง ดังนั้นคาดปี 2567 มีกำไร18,195 ล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน แนะนำ “TRADING” ราคาเป้าหมาย 63.75 บาท

ส่วน GPSC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 4/67 เบื้องต้นคาดเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับไม่เด่น ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/67 เพราะการออกจาก Low Season ของโครงการ Avaada และการเริ่มทยอยรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าลมใต้หวัน (CFXD) จะถูกชดเชยด้วยปริมาณน้ำที่ลดลงหลังผ่าน High Season ของโครงการไซยะบุรี, ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี, ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้นช่วงฤดูหนาว คาดกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 3.8 พันล้านบาท เติบโต 3.3% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50.00 บาท

ขณะที่ RATCH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 4/67 ที่ระดับ 1,400-1,600 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน หลังถูกกดดันจากปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้า IPP และการปิดซ่อมบารุงบางส่วนของโรงไฟฟ้าหงสาและโรงไฟฟ้า Paiton (ปิดซ่อมในช่วง ปลายไตรมาส 4/67 - ต้นไตรมาส 1/68)

แต่คาดเติบโตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้ต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหลังได้แรงหนุนจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Paiton ที่เข้าลงทุนในไตรมาส 2/67 และต้นทุนทางการเงินที่คาดลดลงจากการ Refinance เงินกู้บางส่วนด้วยเงินสดที่ได้รับจากการออก Green Bond (ราว 4.0 พันล้านบาท, อัตราดอกเบี้ย 2.8-3.0%)

และหากมองไปช่วงไตรมาส 1/68 คาดกำไรปกติมีโอกาสกลับมาเติบโตได้ทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนวันปิดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าหงสาที่ลดลงและค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงตามฤดูกาล รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Paiton แบบเต็มไตรมาส

ดังนั้นคาดปี 2567 มีกำไร 6,849 ล้านบาท เติบโต 54% จากปีก่อน และคาดปี 2568 มีกำไร 7,806 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท

ส่วน EGCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 4/67 ที่ระดับ 1,500-1,700 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และเกาหลี รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงประจำปีของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Linden ในสหรัฐฯ

แต่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้จากฐานที่ต่ำ เนื่องจากมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Compass Portfolio ที่เข้าลงทุนในเดือน ม.ค. 2567 และโรงไฟฟ้าถ่านหิน SBPLในฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งกำไรหลักไม่มีการปิดซ่อมเหมือนในไตรมาส 4/66 คาดปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ 7,219 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 8,384 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 167 บาท

ปิดท้ายที่ BGRIM นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า เบื้องต้นคาดกำไรไตรมาส 4/67 ที่ระดับ 400-450 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน จากฐานที่สูงตามฤดูกาลและการไม่มีรายได้จากค่าก่อสร้างโครงการเหมือนไตรมาส 3/67 ขณะที่เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดเติบโตได้ต่อจากการเชื่อมต่อกับลูกค้า IU รายใหม่และการไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการตรึงค่าไฟฟ้าเหมือนปีก่อน

ดังนั้นประเมินปี 2567 จะมีกำไรปกติปี 2,257 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน ส่วนปี 2568 คาดเพิ่มมาที่ 2,532 ล้านบาท เติบโต 12% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท

5 หุ้นโรงไฟฟ้ารายใหญ่_S2T (เพจ) copy.jpg