บทสรุปหุ้นไทยปี 67 ร่วงมากกว่ารอด จับตาเดือน ม.ค.68 อาจแย่ต่อ

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2567 ยังน่าเป็นห่วง เพราะปรับตัวลดลงจากปีก่อน และนับเป็นการปรับลดลง 2 ปีติดต่อกันแล้ว ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SET Index ปิดสิ้นปี 2567 ที่ 1,400.21 จุด ผลตอบแทนลดลง 1.09% ติดลบเป็นปีที่สองติดต่อกันในรอบ 20 ปี 

โดยมีมีจำนวนหุ้นที่ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งสิ้น 26% (175 ตัว) และหุ้นผลตอบแทนเป็นลบ 73% (491 ตัว) สะท้อนแนวโน้มขาลงอย่างเห็นได้ชัด 

สำหรับ Sector ที่ผลตอบแทนที่ดีที่สุด 3 อันดับได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, CCET) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) และกลุ่มสื่อ (VGI, MCOT, MONO) ส่วนผลตอบแทนแย่ที่สุด 3 อันดับได้แก่ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (SCGP) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC, EPG) และกลุ่มยานยนต์ (SAT, AH)

โดยภาพรวมปิดปี 2567 ไม่ค่อยสวย แนวโน้มยังลงต่อได้ แต่อย่างไรก็ดีจากสถิติย้อนหลังเดือน ม.ค. ผลตอบแทนหุ้นทั่วโลกมักจะเป็นบวกจาก January Effect ซึ่งประเมินแนวรับอยู่ที่ 1360, 1380 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1430, 1450 จุด ระยะสั้นยังแนะนำให้ Wait and See ไปก่อนแล้วค่อยรอสะสมที่แนวรับ

อย่างไรก็ตาม ในมุมของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมิน SET เดือนม.ค.68 อาจไม่สดใส ตาม FLOW ที่ไม่หนุน เน้น SELECTIVE หุ้นเฉพาะตัว

โดยปกตินักลงทุนมักคาดหาดหวังกับ JANUARY EFFECT ซึ่งหากพิจารณาเป็นรายเดือนจะเห็นได้ว่า JANUARY EFFECT ที่ปกติมักสดใสในอดีต อาจไม่เหมือนเดิม และมีความผันผวนของดัชนีมากขึ้น หลังหมดเงินหนุนจาก LTF ตั้งแต่ปี 2562

ขณะที่ความกังวลประเด็นสงครามการค้า TRUMP 2.0 อาจกดดันให้ต่างชาติชะลอลงทุนหุ้นไทยได้ เนื่องจาก ปีที่มีประเด็นสงครามการค้าTRUMP1.0 แรงๆ คือ ปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่ต่างชาติขายหุ้นไทยมากที่สุด 2.87 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามอาจไม่ได้ขายสุทธิแรงเหมือนปี 2561 เนื่องจาก SET ถูกต่างชาติขายสุทธิมาแล้วหลายปี และไทยก็มีการปรับตัวหลังเกิด สงครามการค้าTRUMP1.0 มาบ้างแล้ว

ขณะที่พฤติกรรมนักลงทุนต่างชาติมีลักษณะเลือกลงทุนเฉพาะกลุ่มมากขึ้น สะท้อนได้จากตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสะสม -8.85 แสนล้านบาท แต่สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยจากต่างชาติกลับ ยังทรงๆ ตัวโดยเพิ่มขึ้นจนล่าสุดอยู่ที่ระดับ 27.2% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก DELTA ที่บวกแรง 73% และมีสัดส่วน MARKET CAP จากเพียง 6.4% ในช่วงต้นปี สู่ระดับ 10.9% ณ สิ้นปี 2567

ดังนั้น นักลงทุนจึงต้อง SELECTIVE BUY มากขึ้นในการที่จะชนะตลาดฯ และได้ผลกำไร โดยหุ้นที่ต่างชาติซื้อสุทธิมากสุด 10 อันดับแรกตลอดปี 2567 คือ VGI KBANK GULF ADVANC SCB CPF SAWAD COM7 INTUCH และ KTC เป็นต้น