ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ชี้เป้าตลาดที่มีศักยภาพต่อการส่งออกไทย เผยตะวันออกกลางและละตินอเมริกามาแรงสำหรับเอสเอ็มอี
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส และมหาวิทยาลัยมาสทริชท์ พัฒนาคู่มือที่เป็นประโยชน์สำหรับ SMEs เปิดตัวไวท์เปเปอร์ “Global expansion simplified: The ultimate Guide for SMEs” เพื่อรับมือการเผชิญกับความท้าทายของการขยายตลาดในระดับนานาชาติ เนื่องจาก SMEs มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ โดยปัจจัย เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การนำเทคโนโลยีมาใช้ และนโยบายการค้าที่เอื้อประโยชน์ มีส่วนสำคัญในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของ SMEs ในตลาดโลกได้
“หนึ่งในข้อดีของการพาธุรกิจ SMEs ก้าวสู่ตลาดสากล คือการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ โดยการขยายธุรกิจข้ามพรมแดนจากเดิมที่ค้าขายแค่ภายในประเทศ SMEs สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นและกระจายแหล่งรายได้ นอกจากนี้ยังจะได้ท้าทายธุรกิจของตนให้พัฒนาให้ดีขึ้นเสมอเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดที่กว้างขึ้นนี้” Michiel Greeven, EVP Global Commercial, DHL Express กล่าว “ไวท์เปเปอร์ของ DHL Express นำเสนอเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและเป็นประโยชน์สำหรับ SMEs เพื่อเตรียมตัวขยายธุรกิจในระดับโลกและทำให้ธุรกิจของพวกเขาทั้งมีกำไรมากขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย”
"เรามีส่วนร่วมในการนำเสนอไวท์เปเปอร์นี้เพราะเรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุน SMEs ในการตระหนักถึงโอกาสขยายธุรกิจในระดับสากล การขยายธุรกิจไปทั่วโลกสามารถมอบโอกาสที่ดีให้กับ SMEs ที่ต้องการสํารวจตลาดใหม่ในต่างประเทศได้ ซึ่งจะต้องเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เราหวังว่าข้อมูลเชิงลึกที่ให้ไว้ในไวท์เปเปอร์นี้จะช่วยเพิ่มพูนฐานความรู้ของ SMEs และทําให้พวกเขาเข้าใกล้การเติบโตในระดับนานาชาติที่ประสบความสําเร็จอีกขั้น" Roy Broersma, Managing Director Centre for Entrepreneurship & Innovation ที่มหาวิทยาลัย Maastricht กล่าวเสริม
โอกาสสำหรับ SMEs ในประเทศไทย
ประเทศไทยมีที่ตั้งกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 660 ล้านคนทั่วภูมิภาคอาเซียนได้อย่างดี จึงเป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายตลาดในระดับนานาชาติ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อและอำนวยความสะดวกในการค้าและการลงทุนมากขึ้น
ตลาดอีคอมเมิร์ซโดยรวมของประเทศไทยยังมีการเติบโตอย่างมาก โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 66.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโต 13.7% จากปีก่อนหน้า อีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศเป็นส่วนสำคัญในภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซของประเทศไทย โดยคิดเป็นประมาณ 30% ของตลาดทั้งหมด
“ในฐานะผู้ขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ DHL Express ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ SMEs ในประเทศไทยเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ทั่วโลกได้ เรามี Bangkok Hub หรือศูนย์กระจายสินค้าของเราที่สนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมต่อประเทศไทยกับมากกว่า 220 ประเทศและเขตปกครองพิเศษทั่วโลก ผ่านเครื่องบินขนส่งสินค้าของ DHL โดยเฉพาะรวม 8 ลำ มีเที่ยวบิน 78 เที่ยวต่อสัปดาห์ เราพร้อมให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ เพื่อให้ SMEs ไทยเข้าถึงลูกค้าและพันธมิตรระดับนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าว
ตามการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟ ในรายงาน World Economic Outlook (WEO) ระบุว่าการเติบโตของ GDP สำหรับตะวันออกกลางและละตินอเมริกาคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.0% และ 2.5% ตามลำดับ
“นอกจากเส้นทางการค้าหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ผู้ส่งออกไทยควรสำรวจศักยภาพของตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่น ตะวันออกกลาง ซึ่งกำลังมีข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Comprehensive Economic Partnership Agreement - CEPA) ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นั่นหมายถึงโอกาสขยายธุรกิจระหว่างประเทศของผู้ประกอบการ ส่วนละตินอเมริกาก็เป็นอีกภูมิภาคหนึ่งที่ควรจับตามองสำหรับ SMEs ไทย โดยเฉพาะในภาคอาหารและการเกษตร ” เฮอร์เบิต กล่าวเสริม
ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 สินค้าส่งออกสำคัญจากประเทศไทยไปยังตะวันออกกลางที่มีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ อาหารแปรรูป (43.94%) ผลิตภัณฑ์ความงามและสกินแคร์ (34.52%) ผลไม้แปรรูป (26.03%) ผลิตภัณฑ์ยาง (13.15%) และเครื่องประดับ (6.86%)