ตามที่นักลงทุนหลายคนจะทราบกันดีว่า ตลาดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้ปรับลดลงเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งก็ทำให้ดัชนีต่างๆที่ถูกเข้ามาคำนวณในตลาดปรับตัวลงด้วยเช่นกัน ไม่เว้นทั้งดัชนีกลุ่มรีทที่ได้ปรับลดลงมาเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือน
แต่กลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนในกลุ่มกองรีทก็อาจจะสงสัยว่าช่วงเวลาในปัจจุบันถึงจังหวะที่จะทยอยสะสมได้หรือไม่ วีนนี้ก็มีมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่น่าสนใจมาฝากให้แก่นักลงทุนและผู้อ่านกันในครั้งนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่าดัชนีกลุ่มรีท เดือน ธ.ค. 67 ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อีก 1.3% อยู่ที่ 128.70 จุด จากแรงกดดันของผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ของสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และผลจากเซนติเมนต์ในตลาดหุ้นไทยที่ถูกกดดันช่วงกลางเดือน จากแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีประเด็นและกระตุ้นให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ดีแนวโน้มดัชนีกลุ่มรีทเดือน ม.ค. 2568 คาดกลับมาฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือน คาดกรอบการเคลื่อนไหวที่ 126-135 จุด จากแรงหนุนของผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯที่มีโอกาสสลับมาอ่อนตัวลง หลังจากรับรู้นโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้าที่เหลือเพียง 2 ครั้งไปหมดแล้ว
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณชะลอ จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่เบาบางลงเพื่อรอดูการดำเนินนโยบายของคุณทรัมป์ ในช่วงแรกของการรับตำแหน่ง รวมไปถึงเข้าใกล้ช่วงประกาศงบปี 2567 และเตรียมขึ้น XD เพื่อจ่ายเงินปันผลของรอบไตรมาส 4/67
โดยถ้าหากไม่นับช่วง COVID-19 ระบาด พบว่าดัชนีกลุ่มรีทมักปรับตัวขึ้นในเดือน ม.ค. โดยมีค่าเฉลี่ยช่วง 5 ปีย้อนหลังเป็นบวกที่ 2.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ดังนั้น ในเชิงของกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ REIT ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและมีอายุคงเหลือยาว
ทั้งนี้ จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลของกองรีทในอุตสาหกรรม ทางสำนักข่าว Share2Trade พบว่ามีถึง 5 กองรีทที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 10% ซึ่งสามารถรับชมรายละเอียดกันต่อได้ตามข้อมูลด้านล่างนี้