เปิดสถิติเดือนม.ค. 5 ปีย้อนหลัง นักลงทุนสถาบันเทขายกระจาย โบรกฯคาดปีนี้อาจไม่รุนแรงอย่างที่คิด
จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าในเดือนม.ค.ของนักลงทุนสถาบันในประเทศจะมียอดขายสุทธิทุกปี โดยมีมูลค่าการขายหุ้นสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ในปีนี้จึงมีความกังวลว่าจะสถานการณ์การขายหุ้นของนักลงทุนสถาบันในประเทศจะกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้
สำหรับมูลค่าการขายหุ้นแต่ละปีในเดือนม.ค. 5 ปีย้อนหลัง มีดังนี้
ปี 2567 -1,457.69 ลบ.
ปี 2566 -24,271.01 ลบ.
ปี2565 -25,183.17 ลบ.
ปี2564 -16,024.75 ลบ.
ปี2563 -12,341.07 ลบ.
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า SET INDEX ถูก แต่ขาด SENTIMENT ผลักดัน
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินดัชนีหุ้นไทย เริ่มต้นมาในปี 2025 ถือว่าถูกมาก สะท้อนได้จาก SET INDEX เปิดตัววันแรกของปี 2025 ที่ 1380 จุด ถือว่าเป็นดัชนีในวันแรกของปีที่ต่ำ ที่สุดในรอบ 9 ปีรองจากอันดับ 8 คือ SET วันแรกของปี 2024 ที่ 1433 จุด และอันดับ 7 SET วันแรกของปี 2021 ที่ 1468 จุด ต่างกับ SET INDEX วันแรกของปี 2018 ที่สูง ที่สุด คือ 1779 จุด เป็นต้น
ส่วนปัจจัยกดดันดัชนีหลักๆ ในเดือนนี้ 2 เรื่อง อาจจะไม่รุนแรงอย่างที่คิด
- ความกังวลแรงขายสถาบันฯ ในประเทศ ในเดือน ม.ค. อาจไม่รุนแรงมาก อย่างที่นักลงทุนกังวล แม้ปี 2025 จะมียอด LTF คงค้างสามารถขายคืนได้ ครบทั้งหมด 2.3 แสนล้านบาท แต่เป็นยอด LTF ใหม่ที่ขายได้ของปี 2019 กว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่สูงถึง 1608 จุด อาจจะไม่ขาย ออกมามากในช่วงนี้ บวกกับสถิติในอดดีต 5 ปี หลังสุด ในเดือน ม.ค. ปกติ สถาบันฯ ในประเทศขายหนักเกือบทุกปี เฉลี่ยขายสุทธิ 1.58 หมื่นล้านบาท ในเดือนเดียว แต่มีเพียง 2 ปีที่ SET INDEX ลบเยอะ คือ ปีโควิด 2020 กับปีที่ แล้ว 2024 ที่กำไร 4Q23 ออกมาต่ำมาก 1.7 แสนล้านบาท ดังนั้นด้วย SET INDEX ที่เปิดตัวมาในปี 2025 ต่ำสุดในรอบ 9 ปี อยู่แล้ว น่าจะเผชิญ ผลกระทบจากแรงขาย LTF จำกัดได้
- แม้ SET INDEX มี DOWNSIDE จากการปรับลด EPS25F แต่ในมุม VALUATION ที่ SET INDEX 1400 จุด ถือว่ามี P/E EX DELTA ที่ถูก และมี หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทย่อตัวลงมาลึกมาก โดยปกตินักวิเคราะห์จะมีการ ปรับ FORWARD EPS ตลาดลงราว 1 ถึง 5 บาท/หุ้น ในช่วง 1 –3 เดือนแรก ของปี โดยปัจจุบัน BLOOMBERG ประเมิน EPS25F ไว้ที่ 96.5 บาท/หุ้น แต่ ฝ่ายวิจัยฯ ทำ SENSITIVITY EPS25F และ MARKET EARNING YIELD GAP (MEYG) ของ SET INDEX ที่1400 จุด อิงสมมุติฐานกำไร DELTA ปี 2025 ที่2.75 หมื่นล้านบาท และ BOND YIELD 1Y ที่ 2.25%พบว่า แม้ SET INDEX จะถูกปรับ EPS25F ลงไปเหลือ 85 –95 บาท/หุ้น แต่หากหัก DELTA ออก จะมีEPS25F EX DELTA ที่92.9 –104.2 บาท/หุ้น หรือมีMARKET EARNING YIELD GAP (MEYG) กว้างถึง 4.4% - 5.2% (สูงกว่าค่าเฉลี่ย ย้อนหลัง 10 ปีที่ 3.8%) หรือคิดเป็นกรอบ P/E 25F EX DELTA ที่ต่ำเพียง 13.4 – 15 เท่า แสดงให้เห็นว่า ทั้งดัชนี และ P/E ของ SET INDEX ถูกบดบัง แต่จริงๆ ต่ำมาก หรือ อีกนัยยะ คือ มีหุ้นที่ขึ้นแรงกระจุก แต่มีหุ้นที่ลงแรง กระจายตัวอยู่มากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะในการสะสมในระยะ กลางถึงยาว
สรุป SET INDEX ยังแอบซ้อนความถูกมีหุ้นพื้นฐานลงแรงๆ ให้เลือกลงทุนระยะกลาง ยาวอยู่เยอะ อีกทั้งเริ่มต้นปี 2025 SET ต่ำสุดในรอบ 9 ปี และ ในมุม VALUATION ที่ หาก SET ไม่รวม DELTA ก็มี EPS25F เพิ่มขึ้นราว 9 บาท และแม้จะถูกปรับ EPS ลง ก็ยังซื้อขายบน P/E 25F EX DELTA ต่ำเพียง 13.4 – 15 เท่า
บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า เรื่องแรงขายของกองทุน LTF ที่ครบอายุ ที่มีวงเงินรวม 2.3 แสนลบ. (ณ พ.ย.67) ที่เกรงกันว่าจะมีการ redeem มาก จากสถิติปี 2563-66 ซึ่งเป็นปีที่ LTF จะครบอายุ(มาก) ตัวเลข net buy/sell ของนักลงทุนสถาบัน พบว่ามี net sell ออกมาค่อนข้างมากในช่วงเดือน ม.ค. ของช่วงเวลาดังกล่าว (เกิน 1 หมื่นลบ./เดือน) แต่ปี 2567 ตัวเลข net sell เดือน ม.ค. ลดลงมาก เหลือแค่ 1.4 พันลบ. ...... เราประเมินว่า แรงขายกองทุน LTF อาจไม่ได้มากอย่างที่กังวลกัน เพราะผู้ที่จะขาย ก็น่าจะขายไปแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่เพราะไม่คิดจะขาย หรืออยู่ในสภาวะขาดทุนมาก