ตลท. ลั่นเตรียมเผยข้อมูลจำนำหุ้นเร็วๆนี้ เผยเคส RS ร่วงแรง ยังไม่ได้ส่งหนังสือถาม ชี้ผู้ถือใหญ่อาจถูก Force Sell เป็นเรื่องส่วนตัว
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดถึงความคืบหน้าของการเปิดเผยข้อมูลจำนำหุ้นผ่านระบบนายทะเบียน (TSD) คาดว่าจะเริ่มเห็นรายละเอียดได้ในเร็วนี้ ซึ่งในเบื้องต้นรูปแบบของการเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดจะคล้ายคลึงกับการเปิดข้อมูลของหุ้นไปวางประกันบัญชีมาร์จิ้นซึ่งจะมีการอัพเดตข้อมูลทุก 1 เดือน
แต่อย่างไรก็ดี ตลท.และ ก.ล.ต. ก็ได้มีการทำงานร่วมกันเพื่อให้ก.ล.ต. สามารถทำหน้าที่กำกับดูแลและออกมาตรการมาช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาใกล้ชิด ส่วนตลท.ก็จะทำหน้าที่กำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนควบคู่การเปิดข้อมูลต่างให้แก่นักลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุนหุ้นตัวนั้นๆ
ส่วนกรณีบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ที่ปรับตัวลดลงแรง 2 วันติดต่อกัน และพบว่าผู้ถือใหญ่มีการนำหุ้นไปวางประกันบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 222 ล้านหุ้น ในปัจจุบันตลท.ยังไม่ได้มีการส่งหนังสือไปยังบริษัทให้มีการชี้แจงแต่อย่างใด ส่วนการนำหุ้นไปวางมาร์จิ้นก็ถือเรื่องของผู้ถือหุ้นเอง เนื่องจากหุ้นถือเป็นสินทรัพย์ส่วนบุคคลจะนำไปทำเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในมกราคมที่อาจจะต้องเชิญกับแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดปี 2568 กว่า 1 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะไม่ถูกนักลงทุนเทขายทั้งหมด และแรงขายบางส่วนจะซึมซับด้วยถูกแรงซื้อจาก TESG เข้ามา
สำหรับ SET Index ในปี 2567 ปิดในระดับที่แทบไม่แตกต่างจากปีก่อนหน้า โดยตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และปี 2568 ยังสามารถขยายตัวได้ดี นำโดยภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่อาจเผชิญความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility” โดยแบ่งนโยบายออกเป็น 2 กลุ่มหลัก รวม 11 นโยบาย ซึ่งน่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นในหลาย Sector ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนธันวาคม 2567 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 SET Index ปิดที่ 1,400.21 จุด ทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 7.6% ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 SET Index ปรับลดลงเพียง 1.1% โดยเดือนธันวาคม 2567 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 40,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากเดือนธันวาคม 2566ขณะที่ในปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,551 ล้านบาท ลดลง 12.7% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด สามเดือนต่อเนื่อง
ส่วน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 16.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.8 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 18.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 3.45% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.17%