รายงานพิเศษ : TGE รับอานิสงส์ลดภาวะโลกร้อน นักลงทุนให้น้ำหนักบจ.ดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมมุ่งขยายธุรกิจพลังงานทดแทน
สภาพภูมิอากาศที่ผันแปรอย่างรวดเร็ว กระตุ้นนักลงทุนให้น้ำหนักลงทุนบริษัทที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งหนุนผลงาน บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
finbiz by ttb ระบุในบทความว่า ในยุคปัจจุบันที่สภาพภูมิอากาศผันแปรอย่างรวดเร็ว อาจนำมาสู่การสูญพันธุ์ครั้งที่ 6 ของสิ่งมีชีวิต ทุกภาคส่วนจึงต้องตื่นตัว รวมถึงภาคธุรกิจ หากตระหนักและใส่ใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญและช่วยให้ธุรกิจยั่งยืน ผู้ประกอบการจึงต้องมาทำความเข้าใจและจัดเก็บข้อมูลเพื่อจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร ให้ธุรกิจสามารถจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างถูกต้องตรงจุด และเสริมภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งให้กับองค์กร
และอีกหนึ่งปัจจัยที่ธุรกิจต้องให้ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อม คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความยั่งยืนในธุรกิจมากขึ้น ผลสำรวจจาก Nielsen ในปี 2023 พบว่า 73% ของผู้บริโภคทั่วโลกยินดีจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มองว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่ “ตัวเลือก” แต่เป็น “มาตรฐาน” เช่น การตัดสินใจซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ลดการใช้พลาสติก หรือมีการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) ธุรกิจที่ไม่ปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มนี้ อาจเสี่ยงเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งที่นำเสนอมูลค่าด้านความยั่งยืนได้ดีกว่า
ซึ่งการผสมผสานเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ไม่ได้แค่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่ยังช่วยลดต้นทุนระยะยาว และรักษาสมดุลของต้นทุน กำไร และความเสี่ยง เช่น การใช้พลังงานทดแทนหรือการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม กลายเป็นความยั่งยืนทั้งของโลกและของธุรกิจ
และการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร นับเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เพื่อให้องค์กรรู้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่แท้จริง และจัดการก๊าซเรือนกระจกได้ถูกต้องตรงจุด อันจะส่งผลระยะยาวกับความยั่งยืนของโลกและธุรกิจ ทั้งนี้ปัจจุบันมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนที่ธุรกิจสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสร้างความยั่งยืนของโลกและให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
แนวทางการบริหารจัดการคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากทำธุรกิจ วิธีการที่ได้รับความสนใจมากได้แก่ การใช้พลังงานทดแทน หรือการซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกิจของ บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
โดย“สืบตระกูล บินเทพ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุ แผนการดำเนินงาน กลุ่มบริษัทยังคงมองหาโอกาสในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพให้กับ TGE ผ่านการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เพื่อไปสู่เป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2575
และเนื่องจากแนวโน้มความต้องการคาร์บอนเครดิตในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับกลุ่มบริษัทในระยะยาว
ปัจจุบัน TGE มีโรงไฟฟ้าจากชีวมวลกำลังการผลิตรวม 29.7 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย 3 โครงการภายใต้การดำเนินงานของ 3 บริษัท ได้แก่ TGE TPG และ TBP ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญา PPA รวม 26.3 เมกะวัตต์
ส่วนโครงการบริหารจัดการขยะชุมชนแบบครบวงจรของเทศบาลตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (โครงการ TES TCN) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขาย (PPA) 8.0 เมกะวัตต์ ได้มีการเซ็น PPA ไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 2568 และ COD ได้ภายในปลายปี 2569