Talk of The Town

SCC โบรกฯประสานเสียง งบไตรมาส 4/67 ขาดทุนกว่าพันล้าน เซ่นพิษปิโตรฯอ่อนแอ-วัสดุก่อสร้างฟื้นช้า


10 มกราคม 2568

น่าจับตา สำหรับผลงานของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ล่าสุดมีประเมินจากนักวิเคราะห์หลายรายว่า ไตรมาส 4/2567 มีโอกาสขาดทุน จากธุรกิจปิโตรเคมีที่ขาดทุนหนักจาก Spread อยู่ในระดับต่ำ และ Fix Cost เพิ่มขึ้นจากโรงงาน LSP 

SCC โบรกฯประสานเสียง_S2T (เว็บ)_0.jpg

ความเห็นบริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ขาย” SCC พื้นฐาน 175 บาท โดยคาดว่า SCC จะรายงานขาดทุน 0.5-1 พันล้านบาทในไตรมาส 4/67 เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของ LSP และ Fajar ประกอบกับอัตรา margin ปิโตรเคมีที่อ่อนแอ และธุรกิจวัสดุก่อสร้างปูนซีเมนต์ (CBM) ก็อ่อนแอเช่นกัน

สำหรับ Long Son Petrochemical Complex (LSP) คาดว่าจะเริ่มกลับมาดำเนินการใหม่อีกได้ช่วงกลางปี 2568 ด้านบริษัทคาดกำไรดีขึ้นในปี 2568 จากต้นทุน naphtha ที่ลดลง

ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดงวดไตรมาส 4/67 จะขาดทุน 976 ล้านบาท ถูกกดดันจากทุกกลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะ ธุรกิจปิโตรเคมีที่ขาดทุนหนักจาก Spread อยู่ในระดับต่ำ และ Fix Cost เพิ่มขึ้นจากโรงงาน LSP 

ขณะที่ธุรกิจ Packaging ก็ฟื้นตัวช้ากว่าคิด ด้านธุรกิจซีเมนต์และ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง แม้มีแรงกดดันด้านต้นทุนลดลง แต่ก็ยังมีปัญหาด้านอุปสงค์  

SCC กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับสารพัดปัจจัยลบที่เกิดขึ้น โดยวัฏจักรขาลงของธุรกิจ ปิโตรเคมีที่กินเวลายาวนานกว่าคาด จากเศรษฐกิจโลก ที่ฟื้นตัวช้า ทำให้ต้องปรับลดประมาณการกำไรปี 68-69 ลงอีกเฉลี่ย 26% ส่งผลให้ราคาเหมาะสมวิธี DCF ลดลงเหลือ 210 บาท ให้น้ำหนักลงทุน Neutral

ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 175 บาท มอง Negative ต่อแนวโน้มขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/67 ของ SCC ราว 926 ล้านบาท แย่ลงจากไตรมาสก่อน และต่ำกว่าที่เคยประเมินว่าจะมีกำไร เพราะ ธุรกิจซีเมนต์รายได้ต่ำคาดกำลังซื้อยังชะลอแม้ไม่มีผลกระทบน้ำท่วมภาคเหนือ และธุรกิจปิโตรเคมี ค่าใช้จ่ายคงที่โรง LSP สูงกว่าคาด 

โดยปรับลดกำไร 2567-69 ลดลง 15-23% สะท้อนปัจจัยลบข้างต้น พร้อมกับราคาเป้าหมาย ลงเป็น 175.0 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ Neutral มองระยะสั้นยังมีแรงกดดันของกำไรปี 2567 และไตรมาส 1/68 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการปรับประมาณการของตลาด มองจุดกลับมาน่าสนใจคือ ระดับ HDPE spread เหนือ 400 $/ton (ครึ่งหลังปี 68 ) และ LSP กลับมาผลิต

อย่างไรก็ตาม ความเห็นนักวิเคราะห์  บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด แนะนำ ไม่ต้องรีบช้อน แม้แนวโน้มการดำเนินงานปี 2568 จะฟื้นตัว แต่คาดจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า เพราะอุปสงค์ยังไม่กลับมาอย่างที่คาด คงรอดูสิ่งที่ SCC จะดำเนินการเพื่อช่วยลดต้นทุนต่าง ๆ จะส่งผลได้เท่าไหร่ รวมถึงการดำเนินงานของ Fajar จะถึงจุดคุ้มทุนได้เมื่อไหร่ และรอผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนด้วยอีกทาง

แม้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/BV ที่เพียง 0.50 เท่า สะท้อนปัจจัยลบของการดำเนินงานมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่ทุกอย่างดูช้ากว่าที่คาดทำให้อาจไม่ใช่ตัวเลือกต้น ๆ ในมุมมองของหุ้น Turnaround 

SCC