“ประกันสังคม” ลุยถือหุ้น TOP เพิ่ม สวนทาง "นอมินีต่างชาติ" แห่ขาย ประเดิมต้นปีกดราคาทรุดกว่า 4%

จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) TOP ได้ปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 ม.ค. 2568 พบว่า สำนักงานประกันสังคม(สปส.)ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นมากขึ้น ล่าสุดถือหุ้น จำนวน 40,475,473 หุ้นคิดเป็น 1.81% จากเดิมเมื่อเดือนก.ย. 2567 ถือหุ้น 30,529,510 หุ้น คิดเป็น 1.37%

สวนทางกับบรรดากองทุนนอมินีต่างชาติได้เทขายลดสัดส่วนการถือครองหุ้นออกมาประกอบด้วย  STATE STREET EUROPE LIMITEDถือหุ้น 51,701,328 หุ้นคิดเป็น2.31%จากเดิมถือหุ้น 75,229,315 หุ้นคิดเป็น 3.37%

SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 48,419,288 หุ้นคิดเป็น 2.17%จากเดิมถือหุ้น 64,537,197หุ้นคิดเป็น 2.89%

THE BANK OF NEW YORK MELLON ถือหุ้น 37,441,959 หุ้นคิดเป็น 1.68%จากเดิมถือหุ้น 45,932,684 หุ้นคิดเป็น 2.06% สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น TOP ตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.2568  ปรับตัวลดลง 4.42%

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน ประเมินว่า แนะนำ“ถือ” หุ้น TOP โดยราคาเป้าหมายที่ 27 บาท เนื่องจากการที่คณะกรรมการของ TOP ได้อนุมัติเพิ่มการลงทุนในโครงการ CFP เป็นจำนวน 1.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกเลื่อนออกไปจนถึง 3Q28 โดยจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นสำหรับการลงทุนที่เพิ่มขึ้น คาดว่าการลงทุนที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนรวมเพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงลบ จากความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ของโครงการนี้

ขณะที่ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) แนะนำขายหุ้น TOP ให้ราคาเป้าหมายเดิม 23 บาท เนื่องจากเราเชื่อว่า GRM ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากโครงการพลังงานสะอาด (CFP) เมื่อเทียบกับ complex GRM ของ TOP ในปัจจุบันจะถูกหักล้างด้วยต้นทุนต่อหน่วยที่สูงขึ้น เราประมาณการว่าโครงการ CFP จะมี equity IRR อยู่ที่ 4.9% ซึ่งต่ำกว่าปกติ 

และเราเชื่อว่า CFP อาจมีปัญหาสะดุดด้านการดำเนินงานและมีค่าใช้จ่ายด้านประกันภัยสูงเมื่อโครงการเปิดดำเนินงานหลังต้องเปลี่ยนตัวผู้รับเหมา เราจึงเชื่อว่าผู้ถือหุ้นส่วนน้อยน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าหาก TOP ปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลแทนที่จะทุ่มงบลงทุนใน CFP ดังนั้น การที่ CFP ยังมีการก่อสร้างล่าช้ารวมถึงประเด็นทางเทคนิค เรามองว่าปัจจัยลบที่จะฉุดราคาหุ้นคือการที่ CFP ยังประสบปัญหาต้นทุนบานปลาย เรายังแนะนำ “ขาย” TOP ที่ราคาเป้าหมายเดิม 23 บาท