Wealth Sharing

Entertainment Complex โอกาส หรือ ความเสี่ยง?


16 มกราคม 2568

ชัดเจนขึ้นมาทุกทีสำหรับโครงการใหญ่ของรัฐบาลอย่าง Entertainment Complex ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา

Entertainment Complex_WS (เว็บ).jpg

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็นโดยระบุว่า สัดส่วนของคาสิโนมีเพียงแค่ 10% เท่านั้น ที่เหลือก็จะเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และศูนย์ท่องเที่ยว และบันเทิงครบวงจรที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก เช่น การจัดการประชุม การจัดนิทรรศการระดับโลก การจัดคอนเสิร์ตหรือสถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สวนน้ำสวนสนุกในรูปแบบสมัยใหม่ 

ในรายละเอียดยังเปิดเผยผลดี “Entertainment Complex” สร้างรายได้-สร้างการจ้างงาน-ส่งเสริมการท่องเที่ยว

กระทรวงการคลังนำเสนอข้อมูลเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ถึงผลประโยชน์ที่จะกลับสู่ประเทศ

กระตุ้นเศรษฐกิจ

เกิดการลงทุนจริงเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท

รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 119,000-238,000 ล้านบาท

ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่ม ส่งผลต่อเศรษฐกิจวงกว้าง

ส่งเสริมการท่องเที่ยว

อาจเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5-10% ต่อปี

กระตุ้นการใช้จ่ายช่วง low season เพิ่ม 13% ทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องทั้งปี

เพิ่มการใช้จ่าย 66,043 บาท/คน/ทริป จาก 44,000 บาท/คน/ทริป

สร้างงาน

สร้างการจ้างงานได้อย่างน้อย 9,000 - 15,300 ตำแหน่ง (เทียบเท่ากับการเพิ่มขึ้นของอัตรา การจ้างงานคนไทย 0.03-0.05%) 

พัฒนาศักยภาพแรงงานในประเทศ และการจ้างงานจากธุรกิจต่อเนื่อง

เพิ่มการจ้างงานโดยอ้อม (เช่น งานด้านการออกแบบ) 

การจ้างงานโดยชักนำ (เช่น การขนส่งสิ่งของ การโดยสาร)

การจ้างงานเพิ่มเติมในสถานบันเทิงครบวงจร และธุรกิจโดยรอบ รวมไปถึงตำแหน่งระดับบริหารจัดการ

เพิ่มรายได้ให้กับรัฐ

สร้างรายได้ให้รัฐประมาณ 12,037-39,427 ล้านบาทต่อปี

รายได้ภาษีจากกิจการอื่น ๆ เช่น โรงแรม 5 ดาว สวนสนุก (8,773 - 35,093 ล้านบาทต่อปี)

รายได้จากกิจการกาสิโน เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ภาษีการเล่นพนัน ขั้นต่ำ 3,264 ล้านบาทต่อปี

ยังมีรายได้จากค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโนอีก ขั้นต่ำ 3,700 ล้านบาทต่อปี 

สามารถนำรายได้ไปใช้พัฒนาประเทศ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ระบบดูแลสังคม ระบบการศึกษา และการสร้างสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ

ขณะที่ความสำเร็จของสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศเพื่อนบ้านพิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยรายได้ต่อปีจากสถานบันเทิงครบวงจร

มาเก๊า 1.2 ล้านล้านบาท/ปี

สิงคโปร์ 4.3 แสนล้านบาท/ปี

เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้านบาท/ปี

ฟิลิปปินส์ 2.2 แสนล้านบาท/ปี

เวียดนาม 1.8 แสนล้านบาท/ปี

อินโดนีเซีย 1.4 แสนล้านบาท/ปี

ญี่ปุ่น กำลังจะเปิดปี 2030

กลุ่มประเทศ UAE เตรียมโครงการ

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง ทั้งเรื่องของความเหมาะสมที่จะลงทุน และจะต้องเผชิญกับความมุ่งหมายของกลุ่มจีนเทา หรือทุนสีเทา ในฐานะผู้ประกอบการ ถึงอาจนำเงินที่ผิดกฎหมาย มาฟอกเงินในคาสิโน

ล่าสุดนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวตามสื่อว่า สัญญาณการพัฒนา Entertainment Complex รัฐบาล จะต้องเผชิญกับความมุ่งหมายของกลุ่มจีนเทา หรือทุนสีเทา ในฐานะผู้ประกอบการ ถึงอาจนำเงินที่ผิดกฎหมาย มาฟอกเงินในคาสิโน พร้อมกังวลว่า หากประเทศไทยมีคาสิโน จะยังไม่สามารถรับมือกับกลุ่มทุนสีเทาได้

ขณะที่กฎหมาย และโครงสร้างระบบราชการไทย ยังไม่พร้อมต่อการรับมือปัญหาดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น เพราะปัจจุบัน ยังมีปัญหาบัญชีม้า หรือปัญหาซิมม้า มีกลุ่มทุนสีเทา หรือทุนจีน ที่มาฟอกเงิน ค้ามนุษย์โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และรวมถึงปัญหาความโปร่งใส ที่จะเกิดคอร์รัปชันอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หาก วนมาที่ตลาดหุ้นไทย โครงการนี้ ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การเดินหน้ากฎหมายดังกล่าว ถือเป็นภาพบวก เมื่อเทียบกับตลาดกังวลว่าขั้นตอนอาจจะสะดุด หลังกฤษฏีกามีข้อเสนอแนะออกมาก่อนเสนอ ครม. ล่าสุด ประเมินกรอบโครงการยังน่าจะเห็นการเริ่มประมูลปลายปี 2568-ต้นปี 2569 

ดังนั้นประเมินว่า คาดสร้างจิตวิทยาบวกหุ้นในธีม Entertainment Complex อาทิ AOT BTS VGI (เก็งกำไร) CPALL BJC BA

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ประเด็นครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร เตรียมเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ยันมีพื้นที่กาสิโนเพียง 10% เก็บค่าเข้าคนไทย 5,000 บาท โดยมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ BTS, VGI, MBK เป็นต้น

Entertainment-Complex.jpg