DPAINT “ตลาดสีทาบ้าน” รับอานิสงส์ รัฐเปิดโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” กระตุ้นยอดการสร้างบ้านให้เติบโต

ตลาดที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลเปิดตัวโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” เพื่อสนับสนุนที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มคนเริ่มทำงาน (First Jobber) ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง รวมทั้ง “สีทาบ้าน” 



“บ้าน” สำหรับผู้มีรายได้น้อย นับเป็นทรัพย์สินที่มีราคาแพงและจับต้องได้ยาก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่สูง กดดันการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ จึงเป็นที่มาของโครงการ"บ้านเพื่อคนไทย" ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 

ในการศึกษาเรื่องพัฒนาที่อยู่อาศัยที่อยู่รอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" โดยในวันที่ 17 ม.ค. 68 จะเปิดตัวโครงการให้ดูบ้านตัวอย่าง พร้อมแถลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนเรื่องที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) มีโอกาสได้ถือครอง และมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

โดยราคาผ่อนจะเริ่มต้นที่ 4,000 บาท มีโครงการนำร่องทั้งหมด 4 แห่ง คือ พื้นที่บางซื่อ กม.11, เชียงราก, สถานีธนบุรี และสถานีเชียงใหม่ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถจองสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. สัญชาติไทย
2. บรรลุนิติภาวะ ณ การลงทะเบียน
3. ผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียนไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน
4. ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
5. ไม่เคยได้สิทธิ์ในโครงการบ้านเพื่อคนไทย

การเปิดตัวโครงการบ้านเพื่อคนไทย จะกระตุ้นการสร้างบ้านให้เติบโตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงวัสดุที่ต้องใช้การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหรือวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการตกแต่งที่อยู่อาศัย  โดยเฉพาะ การทาสี ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ บมจ.สีเดลต้า (DPAINT) ในฐานะ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร ให้ผลงานปีนี้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง 

โดยปี2566 ภาพรวมตลาดสีในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท มีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งตลาดสีดังกล่าวแบ่งเป็นตลาดสีทาบ้านและ อาคารที่มีขนาดใหญ่สุด มีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ขณะที่ปี2565 ภาพรวมตลาดสีทาบ้านและอาคาร มูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท เติบโต 6%