MASTER ดิ่งต่อ 23% โบรกฯ หั่นเป้าเหลือ 38.75 บาท ชี้ปัจจัยลบกดดันราคาหุ้นอีกยาว
ราคาหุ้นบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในวันนี้ (17 ม.ค. 68) ยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทำราคาปิดภาคเช้าที่ 31 บาท ลดลง 3.88% โดยราคาหุ้นทำจุดต่ำสุดของภาคเช้าที่ระดับ 24.8 บาท ลดลงกว่า 23% จากราคาปิดวานนี้
แม้ออกมายืนยันไม่มีจำนำหุ้น และประเด็นบิ๊กล็อตที่ขายให้กองทุนต่างประเทศ เพื่อลงทุนระยะยาว แต่ บล.ลิเบอเรเตอร์ มองความเสี่ยงของราคาหุ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติ, ความคลาดเคลื่อน EPS ปีนี้ และ Overhang ของหุ้น 11.36 ล้านหุ้น เมื่อหมด Lock-up period ก็ยังคงปกคลุม จึงลดคำแนะนำเป็น “ถือ ” และราคาเป้าหมายเหลือ 38.75 บาท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด มีความเห็นว่า MASTER ความกังวลปกคลุมอีก 6-12 เดือน ขณะที่ผู้บริหารขายหุ้นลดสัดส่วน 3.78% ไม่กระทบบริหาร ยืนยันไม่มีจำนำหุ้น แต่ P/E ที่ทำ Big Lot สะท้อนมุมมองลบ อย่างไรก็ตามคงประมาณการกำไรปี 2568 แต่ 3 ความเสี่ยงรุมล้อม ลดราคาเป้าหมาย และ คำแนะนำ
ทั้งนี้แม้แนวโน้มธุรกิจยังเป็นไปตามกรอบประมาณการของฝ่ายวิจัย และอยู่ในเมกกะเทรนด์ แต่พฤติกรรมราคาหุ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา และราคาขายที่ 37.00 บาท สะท้อนเป็น P/E25E เพียง 16.1 เท่า ซึ่งสะท้อนการต่อรอง และมุมมองของ ผู้ซื้อ-ผู้ขาย (ผบห.) ว่าอุตสาหกรรมนี้ ไม่ง่ายเหมือนก่อน สอดคล้องกับการ derate ของกลุ่ม โรงพยาบาลก่อนหน้า ขณะที่ประเด็น Free Float มองว่าปัจจุบันมีมากอยู่แล้ว
ขณะที่ Big Lot มักได้ส่วนลด 5-10% จากราคาเสนอขาย ดังนั้น P/E เป้าหมายบนสถานการณ์ที่บริษัทกระทำ จึงเสมือนที่ 16.9 เท่า ราคาเหมาะสมใหม่จึงเป็น 38.75 บาท/ หุ้น จากเดิม 61.50 บาท
ขณะที่ความเสี่ยงของราคาหุ้นที่ไม่เป็นธรรมชาติ, ความคลาดเคลื่อน EPS ปีนี้ และ Overhang ของหุ้น 11.36 ล้านหุ้น เมื่อหมด Lock-up period ก็ยังคงปกคลุม แม้เราจะคงประมาณการ แต่ลดคำแนะนำเป็น “ถือ ”
อย่างไรก็ตามความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองปัจจัยพื้นฐานยังเหมือนเดิม โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/67 เบื้องต้นอาจทำระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับมากกว่า 200 ล้านบาท ได้ เนื่องจากเป็นช่วง High season ของรายได้และเป็น Low season ของค่าใช้จ่ายทางการตลาด และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER2025 ต่ำเพียง 17 เท่า และการปรับตัวลงไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสวนทางกับกำไรปี 2568 ที่มีโอกาสดีกว่าคาด จากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ที่ยังทำ ไว้เพียง 80 ล้านบาทซึ่งเป็นขอบล่างของเป้าหมายของบริษัทที่ 80 – 100 ล้านบาท คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 68.50 บาท