ในปี 2568 ถือเป็นหนึ่งปีของตลาดหุ้นไทยที่แย่สุดในรอบหลายปี ไม่ว่าจะเป็นปีที่ดัชนีปิดตลาดวันแรกลดลงมากที่สุดไปจนความเคลื่อนไหวของดัชนีตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันก็ปรับตัวลดลงเป็นอันดับต้นๆของภูมิภาค ซึ่งก็มีราคาหุ้นหลายๆตัวได้ปรับตัวลงมาจนอยู่ระดับที่น่าสนใจ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นจังหวะที่หุ้นหลายๆตัวถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคำแนะนำลงมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade ก็ได้ทำสำรวจและรวบรวมมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่ได้ให้คำแนะนำ “ขาย” หุ้นรายตัว ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพื่อแบ่งปันให้แก่ผู้อ่าน
โดยกันที่ตัวแรกอย่าง DELTA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 98 บาท แม้แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 จะแข็งแกร่งแต่อยู่ในคาดการณ์แล้ว ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบนP/E ที่78 เท่า อยู่ในระดับที่แพงเกินไป
KTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 45 บาท เนื่องจากหนี้ครัวเรือนสูงเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของสินเชื่อใหม่, ความสามารถการทำกำไรแนวโน้มลดลง, มูลค่าหุ้นค่อนข้างสูงซื้อขายที่ P/E 17.1 เท่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำเพียง 2.6-2.7% ในปี 68-69
SCGP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 14 บาท ตามการปรับลดประมาณการกําไรลง 28%,44% และ 42% ในปี 2567-2569 จากแนวโน้มการส่งออกไปยังจีนจากธุรกิจ Fajar ในอินโดนีเซียยังคงไม่สดใสเนื่องจากกําลังการผลิตส่วนเกินของจีนส่งผลให้ทั้งปริมาณและราคาของ Fajar ตกตํ่า รวมไปถึงหุ้น P/E ที่ 21 เท่า ดูแพงเทียบกับแนวโน้มกําไรที่อ่อนแอ
THG นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 12.20 บาท สะท้อนประมาณการกําไรลง 73%,49%,44%และ43% ในปี 2567-2570 จากธุรกิจโรงพยาบาลที่อ่อนแอ ยอดขายที่ชะลอตัวของโครงการ JWC และรายได้จากการบริหารโรงพยาบาลและศูนย์เฉพาะทางที่ตํ่ากว่าคาด และข่าวล่าสุดเกี่ยวกับคดีความของผู้ก่อตั้งบริษัท และหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่สร้างความไม่แน่นอนให้กับบริษัท รวมถึงมูลค่าหุ้นที่แพงซื้อขาย P/E ที่ 34 เท่า
PSH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 6 บาท จากตลาดล่างที่ยอดขายและยอดโอนชะลอตัวมากกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่การเสียส่วนแบ่งการตลาดตลอดในช่วง 4-5ปี และยอดปฏิเสธสินเชื่อที่สูงกดดันให้กำไรสุทธิต่ำกว่าปกติ ในขณะที่จุดเด่นเรื่องอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงในช่วงก่อน เทียบปัจจุบันที่ 7-8% ถือว่าลงมาเป็นระดับค่าเฉลี่ยกลุ่ม
สุดท้าย AAV นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย” โดยปรับลดราคาเหมาะสมเป็น 2 บาท ตามปรับลดประมาณการกำไรลง 10-40% สำหรับปี 2568-2569 โดยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้โดยสารที่อ่อนแอลง ค่าโดยสาร ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (จำนวนสัญญาเช่าเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นจังหวะที่หุ้นหลายๆตัวถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคำแนะนำลงมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade ก็ได้ทำสำรวจและรวบรวมมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่ได้ให้คำแนะนำ “ขาย” หุ้นรายตัว ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพื่อแบ่งปันให้แก่ผู้อ่าน
โดยกันที่ตัวแรกอย่าง DELTA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 98 บาท แม้แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 จะแข็งแกร่งแต่อยู่ในคาดการณ์แล้ว ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบนP/E ที่78 เท่า อยู่ในระดับที่แพงเกินไป
KTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 45 บาท เนื่องจากหนี้ครัวเรือนสูงเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของสินเชื่อใหม่, ความสามารถการทำกำไรแนวโน้มลดลง, มูลค่าหุ้นค่อนข้างสูงซื้อขายที่ P/E 17.1 เท่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำเพียง 2.6-2.7% ในปี 68-69
SCGP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 14 บาท ตามการปรับลดประมาณการกําไรลง 28%,44% และ 42% ในปี 2567-2569 จากแนวโน้มการส่งออกไปยังจีนจากธุรกิจ Fajar ในอินโดนีเซียยังคงไม่สดใสเนื่องจากกําลังการผลิตส่วนเกินของจีนส่งผลให้ทั้งปริมาณและราคาของ Fajar ตกตํ่า รวมไปถึงหุ้น P/E ที่ 21 เท่า ดูแพงเทียบกับแนวโน้มกําไรที่อ่อนแอ
THG นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 12.20 บาท สะท้อนประมาณการกําไรลง 73%,49%,44%และ43% ในปี 2567-2570 จากธุรกิจโรงพยาบาลที่อ่อนแอ ยอดขายที่ชะลอตัวของโครงการ JWC และรายได้จากการบริหารโรงพยาบาลและศูนย์เฉพาะทางที่ตํ่ากว่าคาด และข่าวล่าสุดเกี่ยวกับคดีความของผู้ก่อตั้งบริษัท และหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่สร้างความไม่แน่นอนให้กับบริษัท รวมถึงมูลค่าหุ้นที่แพงซื้อขาย P/E ที่ 34 เท่า
PSH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 6 บาท จากตลาดล่างที่ยอดขายและยอดโอนชะลอตัวมากกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่การเสียส่วนแบ่งการตลาดตลอดในช่วง 4-5ปี และยอดปฏิเสธสินเชื่อที่สูงกดดันให้กำไรสุทธิต่ำกว่าปกติ ในขณะที่จุดเด่นเรื่องอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงในช่วงก่อน เทียบปัจจุบันที่ 7-8% ถือว่าลงมาเป็นระดับค่าเฉลี่ยกลุ่ม
สุดท้าย AAV นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย” โดยปรับลดราคาเหมาะสมเป็น 2 บาท ตามปรับลดประมาณการกำไรลง 10-40% สำหรับปี 2568-2569 โดยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้โดยสารที่อ่อนแอลง ค่าโดยสาร ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (จำนวนสัญญาเช่าเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น