โดดเด่นต่อเนื่อง สำหรับบริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน
ล่าสุด PCE เปิดแผนธุรกิจปี 68 พร้อมเดินหน้า ขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ขยายกำลังการผลิตด้วยการกลั่นน้ำมันปาล์มโอเลอีน (RBDOL) รวมทั้งเน้นผลิตและจำหน่ายน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) และมีแผนลงทุนด้านโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม
“พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล” รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ PCE มองว่า ปี 2568 มีแนวโน้มว่าการส่งออกน้ำมันปาล์มไปจีน และอินเดียยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี โดย PCE จะขยายกำลังการผลิต เน้นเพิ่มมูลค่าสินค้า เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้
และที่สำคัญ PCE ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ให้ความสำคัญด้าน ESG ซึ่งมีโครงการส่งเสริมการนำน้ำมันพืชใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ด้วยการนำน้ำมันเก่า 2 ขวดมาแลกเป็นน้ำมันใหม่ 1 ขวด รวมถึงโครงการรวมพลังสร้างปาล์มน้ำมันไทย ก้าวไกลสู่มาตรฐาน RSPO (Roundtable on Sustainable Palm Oil) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมากที่สุด โดยเป็นการร่วมลงนาม MOU กับหน่วยงานภาครัฐ
ในปี 2568 PCE ตั้งเป้าหมายมีรายได้ 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15-20% จากปีก่อน โดยวางแผนใช้เทคโนโลยีเพื่อขยายกำลังการผลิต ควบคู่กับการเพิ่มมูลค่าสินค้าในธุรกิจการสกัดและการกลั่นน้ำมันปาล์ม ตลอดจนการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนขยายเป็น Bio Complex
เช่น ลดของเสียและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการบริหารจัดการน้ำเสีย รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
รวมถึงให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดน้ำมันปาล์มและอื่นๆ ด้วยการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ปาล์มที่บริษัทฯ มีอยู่ เช่น น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) โดยสัดส่วนการเพิ่มยอดการจัดจำหน่ายเป็น 40,000 ตันจากเดิม 15,000 ตัน อีกด้วย อีกทั้งยังวางแผนการส่งออกกะลาปาล์มให้มากกว่า 100,000 ตันต่อปี
ทั้งนี้ วางแผนขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จาก 90 ตัน/ชม. เป็น 135 ตัน/ชม. ขยายกำลังการผลิตด้วยการกลั่นน้ำมันปาล์มโอเลอีน (RBDOL) จาก 300 ตัน/วัน เป็น 700 ตัน/วัน ตลอดจนเน้นผลิตและจำหน่ายน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) และมีแผนลงทุนด้านโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม เพื่อให้การสกัดน้ำมันปาล์มมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าและบริการทางออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองอัตราการอุปโภคบริโภคน้ำมันปาล์มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน 3% (ข้อมูลจากกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์)
ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองปี 2568 ทิศทางผลประกอบการจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 703 ล้านบาท เติบโต 37% จากปี 2567 ที่คาดจะมีกำไรสุทธิ 511 ล้านบาท
หนุนจาก 1.อานิสงส์บวก จากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์น้ำมันปาล์มในตลาดโลก โดยเฉพาะการปรับเพิ่มอัตราผสมดีเซลของอินโดนีเซีย จาก B35 เป็น B40 ในเดือนก.พ. (เลื่อนจากต้นปี 2568 ราว 1.5 เดือน เพื่อเป็น Grace Period ให้ ภาคอุตสาหกรรมปรับตัว) นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังประกาศว่าปี 2569 จะเพิ่มอัตราผสมเป็น B50
2.อัตรากำไรส่งออกน้ำมันปาล์มได้ประโยชน์จากทิศทางเงินบาทอ่อนค่า (PCE เป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ ของประเทศ) 3.รับรู้ปริมาณขายไบโอดีเซลภายใต้สัญญาขายกับลูกค้ารายใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่ RBDPKO ที่เริ่มจำหน่ายในปี 2567 เต็มปี
ดังนั้นทางพื้นฐานมองว่า PCE ยังมีความน่าสนใจจากการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศ, ระยะสั้นยังมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 แข็งแกร่ง, และได้ Sentiment บวกจากการไต่ระดับขึ้นของราคาน้ำมันปาล์มในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบัน เหลือ Upside Gain สู่ราคาเป้าหมาย 13.2% จึงแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 3.60 บาท โดยเชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจ Let Profit Run เพราะงบไตรมาส 4/67 แข็งแกร่ง และรอจังหวะ เพิ่มน้ำหนักลงทุนเมื่อหุ้นมี Upside เปิดกว้างกว่านี้ (คาดประกาศงบวันที่ 21 ก.พ.)