Talk of The Town

4 หุ้น SET50 เดือด ราคาร่วงแรง ผงะ! งบ Q4/67 บอบช้ำ คาดกำไรไม่โต


22 มกราคม 2568

ทีมข่าว Share2Trade ได้สำรวจการเคลื่อนไหวราคาหุ้นในกลุ่ม SET50 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ( 23 ก.ค.67-20ม.ค.68) พบว่า ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ที่ปรับตัวลงแรง มีจำนวนไม่น้อย โดยในจำนวน 6 อันดับที่ลดลงแรงสุด พบว่า มี 4 บริษัทที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 4/2567 จะปรับลดลง คือ  TOP, SCGP, SCC, และ ITC

4 หุ้น SET50 เดือด ราคาร่วงแรง_S2T (เว็บ).jpg

โดย TOP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่าไตรมาส 4/67 TOP จะมีกำไรสุทธิ 2.2 พันล้านบาท ลดลง 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะคาด market GRM ลดลง 30% มาอยู่ที่ 5.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากอุปทานที่ตึงตัวขึ้นเพราะมีโรงกลั่นทั่วโลกหลายแห่งมีการปิดนอกแผนในช่วงครึ่งหลังปี 66

แต่กำไรไตรมาส 4/67 ยังฟื้นตัวขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 4.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/67 เป็นเพราะคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ (รวมNRV) 22 ล้านบาทในไตรมาส 4/67 ดีขึ้นจากที่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 7.5 พันล้านบาทในไตรมาสก่อน และคาดว่า market GRM ของ TOP จะเพิ่มขึ้น 37% เป็น 5.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แนะนำถือ ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 30.00 บาท

ต่อด้วย SCGP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่าไตรมาส 4/67 จะรายงานกำไรสุทธิที่ต่ำมากที่ 45 ล้านบาท ลดลง 96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 92% จากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ 

โดยปัจจัยกดดันที่สำคัญได้แก่ จะรับรู้ผลขาดทุนจาก Fajar เต็มไตรมาส โดยจะต้องบันทึกต้นทุนดอกเบี้ยเต็มที่ (ขาดทุนประมาณ 656 ล้านบาท จาก 500 ล้านบาทในไตรมาส 3/67) แม้ว่าFajar จะขาดทุนลดลง อีกทั้งมีต้นทุนซ่อมบำรุงจากการหยุดผลิตซ่อมบำรุงใน Fibrous unit (20% ของยอดขาย) และ ผลขาดทุนเพิ่มขึ้นในกลุ่มกระดาษรีไซเคิล แนะนำ แนะนำ ขาย ราคาเป้าหมาย 16.70 บาท 

ส่วน SCC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 4/67 ไม่โดดเด่น คาดผลขาดทุนสุทธิ 976 ล้านบาท นับเป็นผลขาดทุนครั้งที่ 2 ในรอบ 16 ปี หลังจากที่ SCC เคยขาดทุนมาแล้วในงวดไตรมาส 4/66 จำนวน 1,134 ล้านบาท เพราะมีการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์โรงงานปูนซีเมนต์ในเมียนมาร์ จำนวน 1,636 ล้านบาท 

ขณะที่ผลประกอบการที่ขาดทุนในไตรมาสนี้เกิดจากการดำเนินงานเป็นหลัก แม้จะมีรายได้เงินปันผลจากธุรกิจลงทุนเข้ามา 1.5-2 พันล้านบาท ตามปกติก็ตาม โดย Spread ผลิตภัณฑ์ธุรกิจปิโตรเคมีเกือบทุกตัวปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้ SCC ยังต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายคงที่ ทั้งค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายจากโรงงาน Long Son Petrochemical (LSP) ในเวียดนาม เพิ่มจากงวดไตรมาส 3/67 อีก 350 ล้านบาท/เดือน หลังเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย 67 

ขณะที่ธุรกิจ Packaging มีกำไรลดลงจากปีก่อนและฟื้นตัวได้ไม่มากจากงวดไตรมาส 3/67 แม้ว่าราคาวัตถุดิบทั้งเศษกระดาษและท่อนไม้ซุงรวมถึงราคาพลังงานจะปรับตัวลดลง แต่ SCGP ก็ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัท Fajar ในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 55.24% เป็น 99.72% ในเดือน ส.ค และมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นอีก 450 ล้านบาท/ปี จากการกู้ยืมเงินในการทำธุรกรรมดังกล่าว 

ส่วนธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) แม้จะได้รับผลบวกจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง แต่ก็ยังคงมีปัญหาด้านอุปสงค์ที่ฟื้นตัวไม่มาก โดยเฉพาะความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจากภาคเอกชน จึงแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย  210 บาท 

ด้าน ITC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์บียอนด์จํากัด (มหาชน) คาดกำไรงวดไตรมาส 4/67 ที่ 748 ล้านบาท  อ่อนแอลง 26% จากไตรมาสก่อน และลดลง 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4% จากไตรมาสก่อน กดดันจาก 

1.การส่งมอบสินค้าที่ดี เลย์ออกไปราว 10% จากสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ที่ตึงตัวในช่วงเทศกาล สิ้นปี 2. อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงเหลือ 24.1% จากต้นทุนปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น 9% และ 3. SG&A/sales ที่เพิ่มขึ้น และทยอยรับรู้ค่าเสื่อมโรงงานใหม่ราว 60 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม คาดภาพรวมทั้งปี 67 กำไรของ ITC อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท ฟื้นตัวเด่น 55.7% แต่ในปี 2568 คาดจะเห็นการเติบโตกลับสู่ระดับปกติราว 6.7% เทียบก่อนการบังคับ ใช้ Global Minimum Tax (GMT) ที่เติบโต 18.1%

4-หุ้น-SET50-เดือด-ราคาร่วงแรง.jpg