SCB EIC คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตแค่2.4% ผลจากการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ประเมินเป้า SET Index ที่ 1,550 จุด แนะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มการแพทย์และกลุ่มพาณิชย์ ขณะที่ SCB WEALTH ย้ำลูกค้าเป็นศูนย์กลางยกทัพทีม Advisory เปิดตัวครอบคลุมทุกมิติ บริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร
คุณศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB WEALTH จัดงาน SCB WEALTH Holistic Experts ในหัวข้อ “Tomorrow’s Wealth: Key Investment Trends Defining 2025” โดยเน้นให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และการลงทุน รวมถึงโอกาสและความเสี่ยงที่นักลงทุนจะต้องจับตามองในปี 2568 พร้อมโซลูชั่นการลงทุนที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน ที่สามารถให้คำแนะนำครบทุกองค์รวมของ SCB WEALTH Holistic
ดร. ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจ (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2568 การขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน แม้แรงกดดันระยะสั้นจะลดลงตามทิศทางเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ปรับลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยรวม 50 BPS น้อยกว่าที่เคยประเมินไว้ เพื่อรองรับความเสี่ยงเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าและการกระตุ้นการลงทุนในประเทศ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยทั้งปี 125 BPS และ 50 BPS ตามลำดับ มากกว่าคาดการณ์เดิม เพื่อดูแลเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวลงจากนโยบาย Trump 2.0
ด้านเศรษฐกิจไทยในปี 2025 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ 2.4% จากผลกระทบการกีดกันการค้ารุนแรงขึ้นจากนโยบาย Trump 2.0 เนื่องจากสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ ตั้งเป้าลดการขาดดุลการค้า
SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะปรับลดลงอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี อยู่ที่ 2% จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ และลดผลกระทบภาวะการเงินตึงตัวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะขึ้นกับความจำเป็นในการเตรียมรองรับความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าที่จะเพิ่มขึ้นมาก ทั้งจากความเปราะบางภายในและความท้าทายภายนอก
น.ส.เกษรี อายุตตะกะ CFP® ผู้อำนวยการ Investment Research, SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ SCB CIO มองว่า การลงทุนในตลาดหุ้น มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น และเมื่อเรียงลำดับความน่าสนใจของตลาดหุ้นทั่วโลก พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความโดดเด่นที่สุด มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนเหนือตลาดหุ้นโลก จากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี แต่ด้วย Valuation ที่ค่อนข้างแพง จึงแนะนำให้ลงทุนระยะยาว
โดยลงทุนระยะยาวในหุ้นกู้ Investment Grade ของสหรัฐฯ ที่มี Duration สั้น yield ยังน่าสนใจ พร้อมแบ่งเงินส่วนหนึ่งลงทุนใน REITs / สินทรัพย์ผสม เพื่อสร้างกระแสเงินสด นอกจากนี้ แนะนำลงทุน ทองคำ ด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ และสงคราม
คุณสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนใน ปี 2025 จะมี “ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ”จึงประเมินว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับปี 2025 คือ “การลงทุนแบบเก็งกำไร (Trading)” ประเมินเป้าหมาย SET Index ที่ 1,550 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของผลการดำเนินงาน และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนโดดเด่น จะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศสูงและเป็นกลุ่มเชิงรับ อาทิเช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มการแพทย์และกลุ่มพาณิชย์ สำหรับหุ้นแนะนำแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1) Value stock ได้แก่หุ้น AOT,BBL และ CPALL 2) Dividend stock ได้แก่หุ้น AP,BCP และ LHHOTEL 3) Laggard stock ได้แก่หุ้น BCH,GPSC และ HMPRO และ 4) Mid-small cap growth ได้แก่ หุ้น AMATA , AU และ INSET