จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : “ธุรกิจโลจิสติกส์-ก่อสร้าง” หนุน รายได้ MENA ปี 66 แข็งแกร่ง
09 มีนาคม 2566
การเปิดประเทศหลังผ่านพ้นการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด 19 กระตุ้นธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจการก่อสร้าง ให้กับมาขยายตัวได้อีกครั้ง และยังส่งผลดีต่อบริษัท มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15%
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยปี 2566 ซึ่งเป็นการก่อสร้างที่ครอบคลุมการดำเนินการของภาครัฐ และ เอกชน จะมีมูลค่าการเติบโตแตะ ที่ 1.48 ล้านล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2565
โดยประเมินว่า การก่อสร้างในหมวดของภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวราว 5% หรือ มูลค่า แตะ 8.75 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโต จากการเดินหน้าเร่งสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆจำนวนมากทั่วประเทศ รวมถึง การประมูลโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคาย ช่วง นครราชสีมา - หนองคาย ,โครงการทางด่วนพิเศษ สายกะทู้ - ป่าตอง จ.ภูเก็ต ,โครงการ การขยาย -ปรับปรุง สนามบินดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยว
ขณะการก่อสร้างโครงการภาครัฐ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากกรอบการลงทุนที่ขยายตัวราว 6% หรือ 2.7 หมื่นล้านบาท สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวอย่างดี
ส่วนการก่อสร้างของภาคเอกชน EIC คาดว่า ในปี 2566 มูลค่าภาพรวมจะเติบโตที่ 4% ขยายตัวแตะระดับ 6.03 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ มาจากแนวโน้มการขยายตัวของการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมาจากปัจจัยเร่ง อย่างการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ทั้งอาคารสำนักงาน และ พื้นที่ค้าปลีก เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติ
การก่อสร้างที่เติบโตดี ส่งผลดีต่อ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง
โดยนางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ระบุแผนการดำเนินธุรกิจในปี 66 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 65 เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ที่สามารถเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ ซึ่ง MENA มีความพร้อมทั้งด้านการลงทุนขยายกองยานความพร้อมด้านการให้บริการขนส่งและบุคลากรในสายงานขนส่งที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขยายงานและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นงานขนส่งแบบใหม่
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีจุดแข็งจากการมีสัดส่วนขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จอยู่ที่ 10% ของ Market share ทั้งประเทศ ซึ่งคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในปีนี้ และยังมีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแผนสร้างการเติบโตในส่วนของธุรกิจ MENA ยังไม่รวมถึงการเติบโตจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่โดยผ่านบริษัทร่วมทุน คือ ทีดี เอ็มลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ที่คาดว่าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 MENA มีรถขนส่งให้บริการ 728 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 472 คัน รถเทรลเลอร์ 68 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 83 คัน มีพนักงานรวมกว่า 780 คนโดยมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 820 คันภายในสิ้นปีนี้
"ด้วยศักยภาพของ MENA ที่มุ่งมั่นในการบริหารงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมถึงการควบคุมคุณภาพบริการขนส่ง ควบคู่กับการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทำให้เป็นผู้ให้บริการด้านงานขนส่งเบอร์ต้นๆ ของประเทศ และมีฐานลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำไว้วางใจใช้บริการ และวันนี้ เราไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถมิกซ์เซอร์ แต่กำลังขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพ และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะนำมาซึ่งการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น" นางสุวรรณา กล่าว
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยปี 2566 ซึ่งเป็นการก่อสร้างที่ครอบคลุมการดำเนินการของภาครัฐ และ เอกชน จะมีมูลค่าการเติบโตแตะ ที่ 1.48 ล้านล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2565
โดยประเมินว่า การก่อสร้างในหมวดของภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวราว 5% หรือ มูลค่า แตะ 8.75 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโต จากการเดินหน้าเร่งสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆจำนวนมากทั่วประเทศ รวมถึง การประมูลโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคาย ช่วง นครราชสีมา - หนองคาย ,โครงการทางด่วนพิเศษ สายกะทู้ - ป่าตอง จ.ภูเก็ต ,โครงการ การขยาย -ปรับปรุง สนามบินดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยว
ขณะการก่อสร้างโครงการภาครัฐ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากกรอบการลงทุนที่ขยายตัวราว 6% หรือ 2.7 หมื่นล้านบาท สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวอย่างดี
ส่วนการก่อสร้างของภาคเอกชน EIC คาดว่า ในปี 2566 มูลค่าภาพรวมจะเติบโตที่ 4% ขยายตัวแตะระดับ 6.03 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ มาจากแนวโน้มการขยายตัวของการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมาจากปัจจัยเร่ง อย่างการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ทั้งอาคารสำนักงาน และ พื้นที่ค้าปลีก เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติ
การก่อสร้างที่เติบโตดี ส่งผลดีต่อ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง
โดยนางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ระบุแผนการดำเนินธุรกิจในปี 66 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 65 เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ที่สามารถเดินหน้าตามนโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ ซึ่ง MENA มีความพร้อมทั้งด้านการลงทุนขยายกองยานความพร้อมด้านการให้บริการขนส่งและบุคลากรในสายงานขนส่งที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขยายงานและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นงานขนส่งแบบใหม่
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีจุดแข็งจากการมีสัดส่วนขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จอยู่ที่ 10% ของ Market share ทั้งประเทศ ซึ่งคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในปีนี้ และยังมีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแผนสร้างการเติบโตในส่วนของธุรกิจ MENA ยังไม่รวมถึงการเติบโตจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่โดยผ่านบริษัทร่วมทุน คือ ทีดี เอ็มลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ที่คาดว่าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 MENA มีรถขนส่งให้บริการ 728 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 472 คัน รถเทรลเลอร์ 68 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 83 คัน มีพนักงานรวมกว่า 780 คนโดยมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 820 คันภายในสิ้นปีนี้
"ด้วยศักยภาพของ MENA ที่มุ่งมั่นในการบริหารงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมถึงการควบคุมคุณภาพบริการขนส่ง ควบคู่กับการคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทำให้เป็นผู้ให้บริการด้านงานขนส่งเบอร์ต้นๆ ของประเทศ และมีฐานลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำไว้วางใจใช้บริการ และวันนี้ เราไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถมิกซ์เซอร์ แต่กำลังขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพ และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะนำมาซึ่งการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น" นางสุวรรณา กล่าว