‘พรินซิเพิล เวียดนาม’ โชว์ผลตอบแทนอันดับหนึ่ง 2 ปีต่อเนื่อง ปี 2024 โชว์ผลตอบแทน 18.22% มองกำไรตลาดหุ้นเวียดนามปีนี้เติบโตกว่า 20% จับตาเปิดประตูสู่ Emerging Market
บลจ. พรินซิเพิล โชว์ผลงานกองทุนเปิด “พรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้” (PRINCIPAL VNEQ) ผลตอบแทนอันดับหนึ่ง 2 ปีต่อเนื่อง ปี 2023-2024 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย ประเภทนักลงทุนทั่วไป โดยปี 2024 สร้างผลตอบแทน 18.22% ชี้ปีนี้ยังน่าลงทุน ประเมินกำไรตลาดหุ้นมีโอกาสเติบโตกว่า 20% และโอกาสอัปเกรดจากตลาด Frontier Market สู่ตลาด Emerging Market ทำให้เงินทุนมีโอกาสไหลเข้าและดันดัชนี VN Index ทะลุ 1,400 จุด
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ หรือ Principal Vietnam Equity (PRINCIPAL VNEQ) เป็นหนึ่งในกองทุนเรือธง (Flagship Fund) ของ บลจ. พรินซิเพิล ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น อันดับหนึ่ง ต่อเนื่อง 2 ปีในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย ประเภทนักลงทุนทั่วไป และได้รับการจัดอันดับ Morningstar ระดับ 5 ดาวอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2024 ให้อัตราผลตอบแทน 18.22% และปี 2023 กองทุนฯ ให้อัตราผลตอบแทน 14.35% นอกจากนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ในปี 2024 สูงกว่า 25% เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัดที่ให้ผลตอบแทน -7.10% และสูงกว่า 6% เมื่อเทียบกับดัชนี VN Index ที่ให้อัตราผลตอบแทน 12%
จากความสำเร็จด้านผลตอบแทนดังกล่าวมาจากกลยุทธ์ของกองทุนฯ ที่เน้นการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-up โดยการวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัวและพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งจะลงทุนในหุ้นจำนวนไม่กี่บริษัท (High Conviction) เฉลี่ย 20 – 30 ตัวเท่านั้น และแบ่งสัดส่วนเป็นพอร์ตลงทุนหลัก (Core Portfolio) ประมาณ 70% และพอร์ตลงทุนเสริม (Satellite Portfolio) ประมาณ 30% รวมถึงควบคุมความเสี่ยงอย่างเคร่งครัดให้อยู่ในอัตราใกล้เคียงดัชนีชี้วัด การให้น้ำหนักการลงทุนจากการทำบทวิเคราะห์ภายใน ซึ่งมาจากการลงพื้นที่ประเทศเวียดนามของทีมบริหารจัดการกองทุนเฉลี่ยไตรมาสละ 1 ครั้ง เพื่อเข้าถึงข้อมูลก่อนที่
นักลงทุนส่วนใหญ่รับรู้ โดยมีทีมงานที่สามารถสื่อสารภาษาเวียดนามได้ดีเพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก
นายจุมพล กล่าวต่อว่า บลจ. พรินซิเพิล และนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์กำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นเวียดนามในปีนี้จะเติบโตกว่า 20% ส่วนดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,375 จุด หรือมีอัพไซด์ประมาณ 10% (ข้อมูลจาก Bloomberg และ บลจ. พรินซิเพิล ณ 21 ม.ค. 2025) โดยคาดว่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของดัชนีอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้ เนื่องจากตลาดมีแนวโน้มที่จะรับรู้ข่าวเชิงลบจากนโยบายช่วง 100 วันแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในยุค 2.0 ไปทั้งหมดแล้ว และผลประกอบการของบริษัท
จดทะเบียนที่จะทยอยประกาศมีแนวโน้มแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ภาพรวมเศรษฐกิจของเวียดนามยังคงมีแนวโน้มที่ดีจากการเติบโตของภาคการบริโภคและส่งออก รวมถึงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดย GDP เวียดนามปี 2024 เติบโตถึง 7% สูงกว่ารัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6-6.5% ขณะที่ปี 2025 รัฐบาลตั้งเป้าหมาย GDP เติบโต 6.5-7% และเติบโตต่อเนื่องในระดับดังกล่าวไปจนถึงปี 2030 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญและผลักดันการเติบโตของสังคมเมือง
ส่วนผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าไปยังสหรัฐฯ คาดว่าเวียดนามจะได้รับผลกระทบอย่างจำกัด แม้ตลาดสหรัฐฯ มีสัดส่วนส่งออกกว่า 30% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของเวียดนาม และเป็นประเทศที่งบประมาณกับสหรัฐฯ เกินดุลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสินค้าหลักที่ส่งออกส่วนใหญ่ ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนึ่งในซัพพลายเชนที่สำคัญของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บลจ. พรินซิเพิล คาดว่าเวียดนามมีโอกาสจะเติบโตในภาคการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ จำนวนมาก
ทั้งนี้ ภายใต้การลงทุนหุ้นเวียดนามของ บลจ.พรินซิเพิล คาดว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในปีนี้ เช่น กลุ่มการบริโภค ภาคบริการ กลุ่มธนาคาร เป็นต้น โดยคาดการณ์กำไรมีโอกาสเติบโต 38% และ 27% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การลงทุนหุ้นกลุ่มการบริโภคจะต้องคัดเลือกในเชิงลึกเพื่อสร้างผลตอบแทนได้ตามที่ตลาดคาด
ขณะที่ ตลาดหุ้นเวียดนามได้รับการคาดหมายว่าจะถูกอัปเกรดจากตลาด Frontier Market (ตลาดชายขอบ) เข้าสู่ตลาด Emerging Market (ตลาดกำลังพัฒนา) ซึ่งจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่มขึ้นและดัชนี VN Index มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,400 จุดได้ หลังจากได้พัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสากลมากขึ้น โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบซื้อขาย KRX แบบเดียวกับประเทศเกาหลีใต้ และได้รับการอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.ของเวียดนามให้ซื้อขายหุ้นโดยไม่มี Pre-funding (ชำระเงินล่วงหน้า) ตามเกณฑ์พิจารณาของ FTSE รวมถึงการดูแลเสถียรภาพของค่าเงินดองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน
“ความตั้งใจในการทำงานอย่างหนักของทีมผู้จัดการลงทุน ประกอบกับความเข้าใจในตลาดหุ้นเวียดนามและเศรษฐกิจเวียดนามตลอด 10 ปี จากการศึกษาการลงทุนในเวียดนามล่วงหน้าก่อนการเปิดขายและเป็น “กองทุนหุ้นเวียดนาม” ที่แรกในปี 2017 ทำให้เรามีประสบการณ์และเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม จนส่งผลให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนอันดับหนึ่ง ต่อเนื่อง 2 ปี และ บลจ.พรินซิเพิล เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างและส่งมอบผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในปีนี้เช่นกัน” นายจุมพล กล่าวสรุป
สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลหรือทำรายการผ่านแอปพลิเคชันชั้นนำ ได้ที่ แอปพลิเคชันของ CIMB Thai, KPLUS, SCB Easy, KMA Krungsri mobile app, Finnomena, Edge by KKPS, Tisco My Wealth, InnovestX, KTB Next, TTB, Profita (LH Bank), Ascend Wealth (True Money), Principal TH หรือขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02-686-9500 หรือ www.principal.th หรือดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/VNEQ-A นอกจากนี้สามารถเปิดบัญชีและทำรายการซื้อผ่าน Principal TH Mobile App สามารถดาวน์โหลดที่ App Store และ Google Play และ https://www.principal.th/th/principalTH.html
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนเปิด PRINCIPAL VNEQ
หมายเหตุ ข้อมูล ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2024
ปี 2024 ผลตอบแทนของกองทุนเปิด PRINCIPAL VNEQ -X ซึ่งเป็นหน่วยลงทุนของผู้ลงทุนพิเศษ