ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ให้มุมมองว่าในช่วงปี 2567-2568 ปริมาณความต้องการใช้ถุงมือยางโดยรวมของไทยคาดจะขยายตัว 11.7 % จากปีก่อนหน้าและ 7.7 % จากปีก่อนหน้า ตามลำดับ แบ่งเป็นปริมาณการส่งออกถุงมือยาง คาดว่าจะขยายตัว 12.6% จากปีก่อนหน้าและ 8% จากปีก่อนหน้าตามลำดับ
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ อีกทั้งยังได้ปัจจัยบวกจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ต่อจีน ทำให้สหรัฐฯ มีโอกาสหันมานำเข้าถุงมือยางจากไทยมากขึ้น และปริมาณการจำหน่ายถุงมือยางในประเทศคาดว่าจะขยายตัว 4.5 % จากปีก่อนหน้าและ 5.4 % จากปีก่อนหน้าตามลำดับ ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมการแพทย์ในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 90% และอุตสาหกรรมอาหารในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 10%
สำหรับธุรกิจผลิตถุงมือยางของไทยยังเผชิญความเสี่ยง ได้แก่ ราคาน้ำยางข้นยังอยู่ในระดับสูง จากความต้องการใช้ยางพาราที่เพิ่มขึ้นมากกว่าผลผลิตยางพาราโลก กระทบต้นทุนการผลิต และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงปี 2567-68ทาให้การแข่งขันด้านราคามีแรงกดดันเพิ่มขึ้น
ส่วนการผลิตถุงมือยางมีความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EU Deforestation Regulation: EUDR) ของสหภาพยุโรป ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจนี้ต้องมีความพร้อมที่จะรับการตรวจสอบ Due Diligence เพื่อให้สามารถส่งออกถุงมือยางไปยังสหภาพยุโรปได้ต่อไป