Talk of The Town

หุ้นกลุ่มไหนจะได้รับอานิสงส์? เมื่อ “ทรัมป์” ประกาศกร้าว! ต้องการให้ดอกเบี้ย-ราคาน้ำมันลดลง


24 มกราคม 2568

ทรัมป์ประกาศสุนทรพจน์ มุ่งผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลงและกระตุ้นการผลิตเชื้อเพลิงจากฟอสซิล เรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC ปรับลดราคาน้ำมัน แสดงความต้องการให้สหรัฐอเมริกา (US) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันทีและอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกควรปรับลดลงตามสหรัฐอเมริกา

หุ้นกลุ่มไหนจะได้รับอานิสงส์_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความเห็นประเด็น ทรัมป์ประกาศสุนทรพจน์ต้องการให้ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยลดลง 

โดยวานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศสุนทรพจน์แสดงความต้องการให้สหรัฐอเมริกา (US) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันทีและอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกควรปรับลดลงตาม US ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC ปรับลดราคาน้ำมันเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน 

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมุ่งผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลงและกระตุ้นการผลิตเชื้อเพลิงจากฟอสซิลใน US ทั้งนี้ วานนี้ ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.9% 

อีกทั้งกระตุ้นให้มีการย้ายฐานผลิตไป US โดยการลดภาษี ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเชื้อเชิญให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนใน US โดยสัญญาว่าจะปรับลดอัตราภาษีครั้งใหญ่ที่สุดของ US ให้ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งนี้ วานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบกับมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานของซาอุดิอาระเบียเพื่อปรึกษาหารือการลงทุน USD600bn ใน US ของซาอุดิอาระเบียในช่วง 4 ปีข้างหน้า (ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวสนับสนุนการลงทุนสูงขึ้นถึง USD1.0tn

มองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า, ไฟแนนซ์, บริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศสูง, บริษัทที่มีธุรกิจใน US

โดยกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นบวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้า การผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติที่มากขึ้นของ US เพิ่ม supply ในตลาดโลกมากขึ้น มีโอกาสที่ราคาก๊าซฯในตลาดโลกลดลง  

นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงรวมถึงลดแรงกดดันผลตอบแทนโครงการในอนาคต เป็นบวกกับกลุ่มไฟฟ้า หุ้นในการดูแลของเราที่ได้ positive sentiment จากประเด็นดังกล่าวคือ GPSC (ซื้อ/เป้า 60.00 บาท), BGRIM (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท), GULF (ถือ/เป้า 60.00 บาท)

กลุ่มไฟแนนซ์ มองเป็นบวกต่อแนวโน้มต้นทุนทางการเงินที่จะลดลง (TIDLOR, MTC, SAWAD) (ปัจจุบันไม่มีหุ้นที่ดูแลอยู่)

ส่วนบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศสูง มองเป็นบวกต่อบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศสูงๆ เพราะทำให้ภาระทางการเงินลดลง หุ้นในการดูแลของเราที่ได้ positive sentiment จากประเด็นดังกล่าวคือ BCP (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท), IVL (ถือ/เป้า 26.00 บาท), BANPU (ขาย/เป้า 5.00 บาท)

ด้าน บริษัทที่มีธุรกิจใน US มองเป็นบวกต่อบริษัทที่มีธุรกิจใน US จากค่าใช้จ่ายทางภาษีที่ลดลง หุ้นในการดูแลของเราที่ได้ positive sentiment จากประเด็นดังกล่าวคือ EPG (ซื้อ/เป้า 4.50 บาท) จะได้ผลบวกจากธุรกิจ Aeroflex มีโรงงานผลิตฉนวนกันความร้อน/เย็น ตั้งอยู่ใน US คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 15% ทำ และ TU (ถือ/เป้า 14.50 บาท) ได้ผลบวกเล็กน้อยจากธุรกิจของบริษัทที่ตั้งอยู่ใน US อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน effective tax rate ของกลุ่มบริษัทต่ำอยู่แล้วที่ราว 9% และบริษัทยังเข้าข่ายเกณฑ์ global minimum tax ทำให้เรามองเป็นบวกจำกัด

เป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและธนาคาร

กลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น มองว่าจะเป็นลบต่อราคาน้ำมันและก๊าซ LNG ในระยะยาวจากอุปทานที่สูงขึ้น แต่จะส่งผลบวกต่อราคาก๊าซธรรมชาติ US ได้เนื่องจากอุปสงค์การส่งออกที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน กลุ่มโรงกลั่นน่าจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้ม crack spread ที่อ่อนตัวตามอุปทานที่สูงขึ้น โดยในระยะยาวเรามองเป็นลบต่อ PTTEP (ซื้อ/เป้า 160.00 บาท), TOP (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท), SPRC (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท), BCP (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท)

 กลุ่มธนาคาร มองว่าเป็นลบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงซึ่งจะกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยของกลุ่ม โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KTB, KBANK, SCB) อย่างไรก็ดี ประมาณการกำไรปี 2025E เราได้รวมการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแล้ว 0.25%